จากกรณี “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ทำผลงานให้ชุ่มชื่นหัวใจชาวไทย กับการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2024 เธอกลายเป็นนักกีฬาประวัติศาสตร์ของไทย ที่ได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์ 3 สมัย รีโอ 2016 ได้เหรียญทองแดง, โตเกียว 2021 ได้เหรียญทอง และปารีส 2024 ได้เหรียญทอง เป็นการฉลองวันเกิดครบ 27 ปี ในวันที่ 8 ส.ค. 67 พอดี ตามที่ข่าวได้เสนอไปก่อนหน้านี้
‘น้องเทนนิส’ เปิดใจ ยอมรับเครียดมาก ชักลังเลเล่นต่อหรือเลิก
เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 67 มีรายงานจาก “โรงพยาบาลเฉพาะทางกระดูกและข้อ” ให้ความรู้ในเรื่องของอาการ “เอ็นไขว้หลังบาดเจ็บ” กับ “ข้อสะโพกหลวม” ว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และมีวิธีการรักษาอาการบาดเจ็บอย่างไรบ้าง หลังน้องเทนนิส นักเทควันโดมือ 1 ของโลก ได้เผยท่าไม้ตาย “สกอร์เปียนคิก” ออกมาใช้จนสามารถทำคะแนนได้ในการแข่งขัน และคว้าเหรียญทองสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
โดยข้อมูลจากโรงพยาบาลเฉพาะทางกระดูกและข้อ จึงได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการ “เอ็นไขว้หลังบาดเจ็บ” และ “ข้อสะโพกหลวม” มีดังนี้
เอ็นไขว้หลังบาดเจ็บ คือ
เอ็นไขว้หลัง หรือ Posterior Cruciate Ligament (PCL) เป็นเอ็นแกนสำคัญหนึ่งของข้อเข่า ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังของข้อเข่า ทำหน้าที่ป้องกันการเคลื่อนที่ไปทางด้านหลังของกระดูกหน้าแข้ง ทำให้ข้อเข่ามั่นคง โดยการบาดเจ็บของเอ็น PCL นี้ มักเกิดจากการบาดเจ็บโดยตรงจากการกระแทกด้วยแรงทางหน้าเข่า (dashboard injury) หรือการบาดเจ็บในท่าเหยียดเข่าแล้วเกิดการแอ่นมากขึ้น (hyperextension injury)
นอกจากนี้ การวินิจฉัยการบาดเจ็บของ PCL จำเป็นต้องอาศัยประวัติ ตรวจร่างกาย ร่วมกับการตรวจทางรังสีเพิ่มเติม โดยหากพบว่ามีการแตกหักของจุดเกาะเอ็นร่วมด้วยและมีการเคลื่อนที่ อาจจำเป็นต้องรักษาโดยการผ่าตัดยึดตรึงกระดูกที่แตกดังกล่าว แต่หากเป็นการบาดเจ็บของเอ็นโดยไม่มีกระดูกแตกหัก แพทย์ผู้รักษาจะทำการประเมินความรุนแรงและความหลวมของเอ็น PCL ดังกล่าว รวมทั้งประเมินการบาดเจ็บร่วมของโครงสร้างรอบๆ ข้อเข่า ซึ่งอาจจำเป็นต้องอาศัยการตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าข้อเข่า (MRI) เพิ่มเติม โดยการรักษาเอ็นไขว้หลังที่บาดเจ็บอาจทำโดยการใส่เฝือก การผ่าตัดเพื่อยึดตรึงเอ็นไขว้หลัง หรือการผ่าตัดส่องกล้องสร้างเอ็นไขว้หลังใหม่ และในกรณีที่เอ็นไขว้หลังบาดเจ็บเรื้อรังและมีการหลวม หากการหลวมของเข่าไม่มาก สามารถดูแลรักษาได้ด้วยการฝึกกำลังกล้ามเนื้อเหยียดเข่า (quadriceps strengthening exercise) ร่วมกับการจำกัดการใช้งานข้อเข่าหากมีอาการปวด ซึ่งในบางครั้ง ผู้ที่มีเอ็นไขว้หลังหลวมอาจมีอาการปวดที่หน้าเข่าจากการปวดข้อกระดูกสะบ้า (patellofemoral pain) โดยผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บของเอ็นไขว้หลังนี้ ควรได้รับการดูแลและประเมินอาการโดยแพทย์ ว่าเป็นการบาดเจ็บในระดับใดและสามารถใช้งานข้อเข่าในการออกกำลังกายได้มากน้อยเพียงใด
ข้อสะโพกหลวม คือ
ข้อสะโพกเป็นข้อที่รับน้ำหนักมากในร่างกายและเป็นส่วนเชื่อมต่อของแกนกลางของร่างกายกับรยางค์ส่วนล่าง โดยข้อต่อสะโพก จะให้การเคลื่อนไหวในองศาที่มาก ในหลายมุมการเคลื่อนที่ ดังเช่นในข้อไหล่ อย่างไรก็ตามการที่ข้อสะโพกทำหน้าที่มากก็จะสามารถเกิดปัญหาหรือความผิดปกติตามมาได้เช่นกัน
โดยข้อสะโพกหลวมสามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มอาการ คือ ข้อสะโพกหลวม (hip laxity) และ ข้อสะโพกไม่มั่นคง (hip instability) ซึ่งต่างกันตรงที่ “ข้อสะโพกหลวม” เป็นการที่ข้อสะโพกสามารถขยับได้ในองศาที่มากกว่าปกติ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีอาการปวดหรือปัญหาจากการเคลื่อนไหว แต่ใน “ข้อสะโพกไม่มั่นคง” จะมีความหลวมของข้อสะโพกร่วมกับอาการผิดปกติ อาทิเช่น ข้อสะโพกเคลื่อนหลุดหรือมีอาการปวดข้อสะโพกเมื่อเคลื่อนไหว ในกรณีที่ข้อต่อในร่างกายหลวมนั้น อาจทำให้เราสามารถขยับเคลื่อนไหวข้อในองศาที่มากกว่าปกติได้ และอาจเป็นข้อได้เปรียบในการใช้งานของข้อนั้นๆ ดังจะเห็นได้จากกีฬาหลายชนิด เช่น การเล่นยิมนาสติก หรือในกรณีของ “ท่าไม้ตายของน้องเทนนิส” (Hook Kick) ดังที่ได้กล่าวข้างต้น
อย่างไรก็ตาม ภาวะข้อหลวมก็อาจเพิ่มโอกาสในการบาดเจ็บของโครงสร้างรอบๆ ข้อต่อนั้นได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน และอาจนำไปสู่ภาวะข้อต่อไม่มั่นคงได้ด้วย ผู้ที่มีข้อหลวมจึงจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนกำลังกล้ามเนื้อรอบๆ ข้อต่อนั้น รวมถึงทักษะการใช้งานข้อต่อนั้นในหลายๆด้าน โดยเฉพาะความยืดหยุ่นและการฝึกฝนเส้นประสาทรับความเคลื่อนไหวของข้อ เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นคงของข้อและป้องกันการบาดเจ็บรอบข้อได้ แต่ทั้งนี้อาการ “เอ็นไขว้หลังบาดเจ็บ” กับ “ข้อสะโพกหลวม” ไม่ควรปล่อยไว้นาน อาจเป็นอันตรายต่อข้อเข่า และข้อสะโพก และส่งผลให้มีอาการบาดเจ็บมากยิ่งขึ้น คนไข้ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างถูกต้อง และป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจรุนแรงขึ้นในอนาคตอีกด้วย..
ขอบคุณข้อมูล : โรงพยาบาลเฉพาะทางกระดูกและข้อ