สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ว่าชายชาวโปแลนด์ วัย 39 ปี ถูกจับกุมทันทีหลังก่อเหตุ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยนายจาค็อบ เชอร์ฟิก ผู้พิพากษาศาลกรุงโคเปนเฮเกน กล่าวว่า ผู้ต้องหามีความผิดฐานชกไหล่ขวาผู้นำเดนมาร์กด้วยกำปั้น และจะถูกเนรเทศออกจากเดนมาร์กหลังรับโทษจำคุกครบตามกำหนด รวมไปถึงถูกห้ามเข้าเดนมาร์กอีกเป็นเวลา 6 ปี

ระหว่างการพิจารณาคดี ผู้ต้องหากล่าวว่า พบกับนายกรัฐมนตรีเดนมาร์กจริง แต่ไม่ได้แตะต้องตัวเธอ และอ้างว่า “สูญเสียความทรงจำ” เกี่ยวกับช่วงเวลาดังกล่าว “เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์” และรู้สึกตื่นตกใจเมื่อเผชิญหน้ากับบุคคลสำคัญอย่างกะทันหัน

ทั้งนี้ ผลการตรวจร่างกายของเฟรเดอริกเซน วัย 46 ปี ปรากฏว่า เธอมีรอยฟกช้ำที่ไหล่ขวา และได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการถูกเหวี่ยง ขณะที่มีรายงานด้วยว่า ผู้ต้องหามีประวัติกระทำอนาจารและฉ้อโกงหลายครั้ง ก่อนก่อเหตุกับผู้นำเดนมาร์ก

นายเฮนริก คาร์ล นีลเซน ทนายความของจำเลย ให้ข้อมูลว่า ลูกความของเขายอมรับคำพิพากษา แต่บทลงโทษจำคุก 4 เดือนนั้นรุนแรงกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย ขณะเดียวกัน นีลเซนวิจารณ์บทลงโทษจำคุก “ไม่ได้บ่งชี้ชัดเจน” ว่าเกี่ยวข้องกับข้อหาทำร้ายผู้นำประเทศ หรือข้อหาอื่น ๆ มากน้อยเพียงใด

อย่างไรก็ตาม ชายชาวโปแลนด์ถูกคุมขังมาแล้ว 2 เดือน ก่อนถึงวันพิจารณาคดี หมายความว่า เขาเหลือระยะเวลาต้องรับโทษจำคุกอีก 2 เดือน ก่อนถูกเนรเทศออกจากเดนมาร์ก

ย้อนไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีนักการเมืองจากประเทศในยุโรปถูกทำร้ายหลายครั้ง ก่อนการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีโรเบิร์ต ฟิโก ผู้นำสโลวาเกีย ถูกยิง 4 นัดในระยะประชิด ระหว่างทักทายผู้สนับสนุนหลังการประชุมรัฐบาล

“เราต้องการสังคมซึ่งทุกคน รวมไปถึงนายกรัฐมนตรี สามารถเดินบนท้องถนนได้อย่างปลอดภัยและสงบ โดยไม่ถูกทำร้ายจากผู้อื่น” นายแอนเดอร์ส ลาร์สสัน อัยการพิเศษของเดนมาร์ก กล่าวทิ้งท้าย.

เครดิตภาพ : AFP