สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ว่า เหตุจลาจลในวงกว้าง ปะทุขึ้นตามเมืองต่าง ๆ ในสหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์เหนือ นับตั้งแต่เกิดเหตุฆาตกรรมเด็ก 3 ราย เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา

แม้ตำรวจปราบจลาจลหลายพันนายของสหราชอาณาจักร เตรียมรับมือกับการประท้วงหลายสิบครั้ง โดยเป้าหมายหลักของกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายขวาจัด คือ ทนายความด้านการย้ายถิ่นฐาน และอาคารที่พักพิงของผู้ขอลี้ภัย แต่ในขณะเดียวกัน กลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านฟาสซิสต์ ก็จัดการชุมนุมในหลายเมืองเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กรุงลอนดอน, เมืองเบอร์มิงแฮม, เมืองบริสตอล, เมืองลิเวอร์พูล และเมืองนิวคาสเซิล

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียด มีจำนวนคนมากกว่ากลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการอพยพหลายเท่า ซึ่งบางคนถือป้ายที่มีข้อความว่า “หยุดพวกขวาจัด” รวมถึงตะโกนต่อว่าฝ่ายขวาจัด และต้อนรับผู้ลี้ภัย โดยการชุมนุมดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล เฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ประท้วงทั้งสองฝ่าย ทำให้รัฐบาลลอนดอน ส่งตำรวจหน่วยพิเศษ 6,000 นาย ไปประจำการตามพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อรับมือกับการชุมนุม ขณะที่ศาลในสหราชอาณาจักร เริ่มสั่งจำคุกผู้กระทำความผิดแล้ว

อนึ่ง เหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งเป็นความรุนแรงครั้งเลวร้ายที่สุดของสหราชอาณาจักร นับตั้งแต่เหตุจลาจลในกรุงลอนดอน เมื่อปี 2554 มีผู้ถูกจับกุมแล้ว 430 คน และถูกตั้งข้อหาอย่างน้อย 120 คน อีกทั้งทำให้หลายประเทศออกประกาศเตือนการเดินทางไปยังสหราชอาณาจักร

ขณะที่ เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวเตือนว่า ผู้ที่มีส่วนร่วมในความวุ่นวายครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประท้วงโดยตรง หรือผู้ปลุกปั่นความรุนแรงทางออนไลน์ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย “อย่างถึงที่สุด”.

เครดิตภาพ : AFP