เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ลานหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้กล่าวปราศรัยปิดท้ายเวที ว่า เป็นเกียรติสูงสุดที่ได้มีโอกาสรับใช้ประชาชน และได้ทำงานกับเพื่อนอนาคตใหม่จนถึงก้าวไกล จะเป็นความรู้สึกที่จะไม่มีวันลืม วันนี้ขออำลาพวกท่าน ในฐานะนักการเมือง ในฐานะผู้แทนราษฎร ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มาเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย แต่ถ้าพวกท่านยังต้องการ และส่งเสียงดังๆ ตนจะขอกลับมาใหม่ในฐานะประชาชนสู้ไปกับพวกท่าน ถึงแม้ว่าเขาจะตัดสิทธิตนไป แค่เขาตัดใจตนไปจากประชาชนและประเทศไทยไม่ได้

จากนั้น นายพิธา ได้หลั่งน้ำตาออกมา ท่ามกลางเสียงกองเชียร์ส่งเสียงเรียกว่านายกฯ ทั้งนี้นายพิธา กล่าวว่า “เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ”

นายพิธา ยังกล่าวต่อว่า เชื่อว่าเพื่อนที่สู้มาตั้งแต่อนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล ว่าจะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้ ยังจำได้หรือไม่ในวันที่ที่เราชนะ ในเกมที่ถูกดีไซน์มาให้เราแพ้ เป็นเพราะทุกคนเชื่อว่าตนเองมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้ ขอให้จำวันนั้นไว้ ถึงจะไม่มีตนเองในทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา แต่หากประชาชนเชื่อมั่นในพลังของตัวเอง ประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน

“เขายุบพรรค ยุบสี ยุบโลโก้ ไม่เป็นไร แต่ถ้าเขายุบความหลังของเราได้สำเร็จเมื่อไร เท่ากับเรายกประเทศไทยใส่พานเงิน มอบให้เขาทันที เราจะยอมเขาหรือไม่ วันนี้เศร้า โกรธ แค้น เสียใจ ได้แค่วันนี้วันเดียว พรุ่งนี้เราเดินหน้าต่อไปเพื่อรัฐบาลที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวอีกว่า ทุกสิ่งที่ตนเองทำ มอบให้พี่น้องประชาชนไปหมดแล้ว แต่ขอห้ามชาชินกับระบอบแบบนี้โดยเด็ดขาด ระบอบที่คนทำรัฐประหารได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรี แต่คนที่ประชาชนเลือกมาถูกแบนไม่ให้เล่นการเมือง ขอประชาชนอย่าชิน อย่าชา อย่ายอมโดยเด็ดขาด หากเราชนะขนาดนี้แล้วเขาไม่ยอม คราวหน้าจะขอชนะจนกว่าเขาจะยอม ปี 2570 ขออย่างน้อยที่สุด 270 ที่นั่ง จะให้ดีขอไปให้ถึง 300 เสียง เมื่อเรามีพลังขอให้ประชาชนยื่นกฎหมายเพื่อไม่ให้มีการยุบพรรค และทำรัฐประหารในเมืองไทยต่อไป เพื่อบอกว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน