เมื่อวันที่ 7 ส.ค.เป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9:0 ให้ยุบพรรคก้าวไกล จากคำร้องของ กกต.ในข้อหาเชื่อได้ว่า มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรค ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) จากการเสนอแก้ไข ป.อาญา ม.112 และมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 3/2567 ไปแล้วว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 49 “บุคคลใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้” (จากกรณีเสนอนโยบายแก้ ม.112 และการหาเสียงที่ให้กลุ่มทะลุวังขึ้นเวทีติดสติกเกอร์แก้ ม.112 )
ภายหลังการยุบพรรค สื่อโซเชี่ยลฯ ของพรรคได้โพสต์คลิปวีดิโอเป็นภาพธรรมชาติที่โรยราและกลับมาผลิบานใหม่ และปิดท้ายด้วยภาพโคลสอัพตาของแกนนำพรรค พร้อมข้อความ “Unbreakable ข้าไม่ตาย ในโลกนี้มีบางอย่างที่ไม่อาจถูกทำลาย ไม่สูญสลาย มีแต่จะเติบโตต่อไปไม่หยุดยั้ง การเดินทางครั้งใหม่เริ่มขึ้นแล้ว เดินต่อไปด้วยกันประชาชน” เนื้อหาในคลิปมีบรรยายว่า “เมื่อบางสิ่งขวางหูขวางตา คุณไม่พอใจกับการมีอยู่ของสิ่งนั้นการจัดการที่ง่ายที่สุดก็คือทำลายมัน แต่บางสิ่งไม่ว่าคุณพยายามแค่ไหน ก็ไม่อาจทำลายมันได้ ความหวัง ความฝันอุดมการณ์ จะถูกส่งต่อไปไม่สิ้นสุด ความหวัง ความฝัน อุดมการณ์ จะไม่มีวันถูกทำลาย แม้จะถูกเหยียบย่ำครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มีใครฉุดรั้งความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดไป การเดินทางได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง จุดหมายปลายทางยังอีกไกลและเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่ปลายทางของมันสว่างไสว”
ส่วนเพจเฟซบุ๊ก “พรรคก้าวไกล – Move Forward Party”ได้เปลี่ยนรูปประจำตัวจากเดิมเป็นภาพที่มีโลโก้พรรคและมีข้อความว่า “พรรคก้าวไกล” ล่าสุดได้ขีดฆ่าตรงคำว่า “พรรค”เหลือแค่คำว่า“ก้าวไกล” ขณะที่ภาพปกเพจ ได้ถูกเปลี่ยนเป็นภาพที่มีข้อความว่า “ก้าวไกล ไปต่อ” โดยยังใช้สีส้มเป็นสัญลักษณ์พื้นหลังของภาพกก.บห.พรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ ทั้งชุดที่ 1 และ 2 ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 25 มี.ค. 2564- 31 ม.ค.2567 ประกอบด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เหรัญญิกพรรค นายณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตรตระกูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค นายปดิพัทธ์ สันติภาดา กก.บห.สัดส่วนภาคเหนือ นายสมชาย ฝั่งชลจิตร กก.บห.สัดส่วนภาคใต้ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กก.บห.สัดส่วนภาคกลาง น.ส.เบญจา แสงจันทร์ กก.บห.สัดส่วนภาคตะวันออก นายอภิชาติ ศิริสุนทร กก.บห.สัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ นายสุเทพ อู่อ้น กก.บห.สัดส่วนปีกแรงงาน และเมื่อนายปดิพัทธ์ย้ายไปสังกัดพรรคเป็นธรรม โดยนายอภิสิทธิ์ พรหมฤทธิ์ มาเป็น กก.บห.สัดส่วนภาคเหนือแทน นายปดิพัทธ์ถูกตัดสิทธิ์ต้องเลือก สส.พิษณุโลก เขต 1 ใหม่ ผู้ที่ถูกตัดสิทธิที่เป็น สส.
ประกอบด้วย สส.บัญชีรายชื่อ 5 คน คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายชัยธวัช ตุลาธน น.ส.เบญจา แสงจันทร์ นายสุเทพ อู่อ้น นายอภิชาต ศิริสุนทร สส.เขตคือ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก เขต 1 จะต้องพ้นจากเก้าอี้รองประธานสภาคนที่ 1 ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ขอเป็นโควตาพรรคภูมิใจไทย แนวทางการต่อสู้ต่อไปของพรรคก้าวไกลเบื้องต้นยังเป็นเช่นเดิม คือเจรจากับพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล แต่ยังติดเงื่อนไขการต่อรองที่พรรคถิ่นกาขาวฯ อยากมีคนของตัวเองร่วมเป็น กก.บห.พรรค หรือมีส่วนร่วมในพรรคที่จะเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วย หัวหน้าพรรคคนใหม่ยังเป็น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ
ส่วน กก.บห.ใหม่ จะเป็นบุคคลที่เป็น สส.พรรคอนาคตใหม่หรือมีดีเอ็นเอแบบอนาคตใหม่มาแต่ตั้งพรรค หรือคนที่อยู่ในรายชื่อ 44 สส. เดิมที่มีคดี 112 ใน ป.ป.ช. เป้าหมายของพรรคก้าวไกลคือการขับเคลื่อนเชิงโครงสร้างที่ต้องเดินหน้าต่อ แม้ต้องต่อสู้นิติสงครามและการยุบพรรคที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ขณะที่ สส.ใหม่ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งครั้งล่าสุด อาจจะมีรายชื่อดูแลในภาคหรือพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้ สส.พรรคก้าวไกลที่เป็นบัญชีรายชื่อจะถูกตัดสิทธิกลายเป็น “เก้าอี้ว่าง”ทำให้ สส.พรรคก้าวไกลเหลือ 143 คน ความเคลื่อนไหวหลังยุบพรรค นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรค ได้แถลงว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการวางบรรทัดฐานการตีความกฎหมายที่อันตราย สุ่มเสี่ยงต่อการกระทบต่อหลักการ คุณค่าพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในระยะยาวจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยฯกลายพันธุ์เป็นแบบอื่น
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จะยังทำงานการเมืองต่อไปในฐานะพลเมือง โดยเร็วๆ นี้จะต้องเลือกตั้ง สส.พิษณุโลกเขต 1 ใหม่แทนนายปดิพัทธ์ และจะเลือกนายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัด ( อบจ.) ราชบุรีเป็นจังหวัดแรกในส่วนจังหวัดที่พรรคก้าวไกลส่งผู้สมัคร ขอให้ประชาชนที่ผิดหวังโกรธแค้นใช้พลังที่แสดงออกในวันที่ 7 ส.ค.ผลักดันเป็นพลังเชิงบวก ช่วยกันใช้เสียงในการเลือกตั้งที่ว่าให้ถล่มทลาย
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ว่าที่ผู้นำพรรคคนใหม่ที่ยังไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า วันที่ 9 ส.ค.เราจะย้ายไปบ้านใหม่ ขอให้ประชาชนติดตามพรรคใหม่ด้วย และวันที่เราถูกยุบพรรค เรามีสมาชิกพรรคครบ 1 แสนคน ขอให้สมาชิกพรรคไปกับเราต่อ และไปให้มากกว่าเดิม ซึ่งยืนยันว่า มาตรา 112 มีปัญหาต้องหาแนวทางอย่างไรให้สามารถพูดคุยกันได้มากขึ้น ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยว่าห้ามแก้ไข
แต่ต้องคุยวิธีการกันต่อไป
ส่วนนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล ประกาศปี 2570 จะต้องเป็นส้มทั้งแผ่นดิน ..ในส่วนบรรดากองเชียร์พรรคขณะนี้ต่างชูสโลแกน “ยักไหล่แล้วไปต่อ” สิ่งที่น่าสนใจต่อจากนี้คือ การที่พรรคที่ได้รับเลือกด้วยคะแนนเสียงมากที่สุดในสภาถูกยุบ จะทำให้เกิดอาฟเตอร์ชอคอะไรทางการเมืองหรือไม่ ทั้งการเคลื่อนไหวเรื่องการดูด สส.เข้าพรรคบางพรรคเพื่อเพิ่มคะแนนเสียง เพื่อต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่ม จะมีใครยื่นดำเนินคดีอาญากับ สส. 44 คนที่เสนอแก้ ม.112 หรือไม่ จะมี สส.ที่ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดเกี่ยวกับการชุมนุมและ ม.112 อีกกี่คนที่ต้องหายไป มีอีกหลายเรื่องที่ยังต้องจับตา วันนีเรียกว่า “ฝุ่นเพิ่งเริ่มตลบใหญ่”
“ทีมข่าวการเมือง”