สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่า ชาวไนจีเรียหลายพันคนเข้าร่วมการประท้วงนโยบายของรัฐบาล และค่าครองชีพที่พุ่งสูง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่บ้านเมืองเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ ครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี

แม้การชุมนุมค่อย ๆ คลี่คลายไปในหลายพื้นที่ของไนจีเรีย หลังเกิดการปะทะกับกองกำลังรักษาความปลอดภัย แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคน ยังคงออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในรัฐทางตอนเหนือของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น รัฐคาดูนา, รัฐคัตซินา และรัฐคาโน รวมถึงรัฐแพลโท ทางตอนกลางของประเทศ

ทั้งนี้ ภาคเหนือของไนจีเรีย มีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม, ศาสนา, เศรษฐกิจ และสังคมที่แน่นแฟ้น กับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคซาเฮล ซึ่งเกิดการรัฐประหารหลายครั้ง อีกทั้งบรรดาผู้นำรัฐบาลทหารในหลายประเทศ ต่างถอยห่างจากพันธมิตรชาติตะวันตก และหันเข้าหารัสเซียแทน

อย่างไรก็ตาม ธงชาติรัสเซียที่ปรากฏอยู่ในการชุมนุมที่ไนเจอร์, มาลี, บูร์กินาฟาโซ ตลอดจนไนจีเรีย ทำให้เกิดการตอบสนองอย่างรุนแรงจากเจ้าหน้าที่รัฐ

ด้านหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงจากกองกำลังติดอาวุธ และตำรวจไนจีเรีย รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ แถลงการณ์สรุปร่วมกัน และกล่าวหาว่ามี “ผู้สนับสนุน” ที่พยายามบ่อนทำลายรัฐบาลไนจีเรีย โดยไม่ให้รายละเอียด หรือแสดงหลักฐานใด ๆ แต่ระบุว่าผู้สนับสนุนบางคน “อยู่นอกประเทศ”

ขณะเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำไนจีเรีย ปฏิเสธมีความเกี่ยวข้องกับการประท้วงดังกล่าว ในแถลงการณ์บนเว็บไซต์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พร้อมกับยืนยันว่า รัฐบาลมอสโก รวมถึงเจ้าหน้าที่รัสเซียทุกคน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมเหล่านี้ และไม่มีการประสานงานกับกลุ่มผู้ชุมนุมใด ๆ ทั้งสิ้น.

เครดิตภาพ : AFP