ถือว่ายังคงเป็นกระแสดราม่าที่ถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง สำหรับ “อั๋น ภูวนาท” พิธีกรชื่อดัง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีประเด็นกับ “น้องแดน” หรือ “คิมอินฮยอน” ในงานอีเวนต์งานหนึ่ง โดยมีเซเลบและคนดังมาร่วมงานอย่างคับคั่ง ซึ่งดราม่าที่เกิดขึ้นคือ น้องแดน พิธีกรกลับไม่เรียกชื่อ แล้วแซวว่าไม่อ่านไลน์กลุ่มเพื่อน แต่งตัวไม่เข้าสี โดยเหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้เหล่าแฟนคลับเป็นอย่างมาก จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามที่ข่าวเคยเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด หนุ่มอั๋น ได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรในงาน เสียงจากประชากรหญิง สู่พลังการพัฒนาประชากรไทย Voice of her ผู้สื่อข่าวจึงได้ขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นดราม่าดังกล่าว ซึ่งทางหนุ่มอั๋นเผยว่า

“พี่อั๋นคิดว่านี่เป็นการโดนทัวร์ลงครั้งแรกในชีวิต ไม่เชิงว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ เพราะเราก็อยู่ในวงการมานาน พี่คิดว่าไม่มีเรื่องใดในโลกที่เราควรเลี่ยงกัน ทุกเรื่องน่าจะคุยกันได้แล้วจบได้ทั้งหมด ถามว่าคุยได้ไหมคุยได้ เพราะมันไม่มีอะไรสำหรับพี่อั๋น พี่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ควรมีอะไร เพราะมันไม่ได้เกิดจากเจตนาที่ไม่ดี ไม่ว่าจะของใคร ตัวน้องศิลปินไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะฉะนั้นดึงเขาออกไปวางไว้ก่อน ถ้าคุณรักเขา เขาไม่อยู่ในสมการ ตัวเจ้าภาพที่จัดงานไม่มีปัญหา ตัวลูกค้าไม่มีปัญหา พี่อั๋นก็ไม่มีปัญหา ซึ่งพี่ไม่ได้บอกว่าเพราะคุณ(สื่อ)คือปัญหา แต่พี่คิดว่ามันไม่ควรเป็นเรื่องมีปัญหา หรือไม่คิดรู้จะพูดถึงมันในแง่มุมไหนดี พี่ไม่ได้คิดว่าในทั้งหมดใครไม่มีเจตนาไม่ดีเลย พี่ยืนยันว่ามันคือเจตนาดี พี่คิดว่าคือสองประเด็นหลัก หนึ่งคือ พี่อั๋นไม่เรียกชื่อ ทำไมเรียกผู้ชายคนนั้น ถ้าหลักๆ คือคลิปนั้นนะ มีคนส่งมาให้พี่อั๋นเยอะพอสมควร หลังจากจบจากคลิปนั้นอันแรกที่พี่อั๋นตอบคือ คุณอยู่ในงานหรือเปล่า พี่ไม่ได้ถามเพราะกวนนะ แต่หลังจากจบงาน หลังจากจบที่เขาตัดมา สิ่งที่พี่อั๋นทำคือ เชิญผู้บริหารขึ้นกล่าวเปิดงาน หลังจบจากกล่าวเปิดงานศิลปินทั้งหมดขึ้นบนเวที พี่อั๋นพูดชื่อนามสกุล สปอนเซอร์ครบทุกคน ถ้าถามว่าทำไมไม่เรียกชื่อ หลังจากนั้นก็เรียกไง แต่เขาไม่ตัดตรงที่เรียกมา จริงๆ ในงานตอนขึ้นไปบรีฟของเราคือ ทักใครก็ได้แค่สามคน จากดาราทั้งหมด ทักใครก็ได้อย่าทักเยอะนะพี่อั๋น เดี๋ยวงานยาว ต้องกระชับ ทักใครดี อะ เขาก็จดชื่อมา พี่มีชื่อทุกคนหมดอยู่ในมือ ในโลกยุคนี้ไม่แปลกใจ ถ้าเราจะไม่ได้รู้จักกัน เจตนาคือเราตั้งใจจะรู้จักกันหรือเปล่า พี่มีเจตนาตั้งใจจะรู้จักกัน”

“พี่ยังเดินเข้าไปถามแฟนคลับเลยว่าอ่านออกเสียงให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม ว่าคนนี้ออกเสียงว่ายังไง นี่ไม่ได้มาแก้ตัวนะ แค่จะอธิบาย เพราะนานๆ ทีจะอธิบาย บางคนบอกอีโก้จังเลย ไม่ยอมขอโทษ ขอโทษไม่ได้พูดยากเลย พูดตรงนี้อีกทีก็ได้ว่าขอโทษ แต่คำถามคือขอโทษอะไร ถ้าขอโทษว่าทำไมไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่หลังจากนั้นเอ่ยไง เราจะขอโทษในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ มันทำไม่ได้ แกทำไมไม่ขอโทษที่หยิบไปกิน ก็เราไม่ได้หยิบไปกินจะให้ขอโทษทำไม ขอโทษไม่ได้ยาก แต่หลังจากคลิปนั้นมันต้องมีคลิปมาต่อสิ พี่ก็จะถามว่าคนที่ลงคลิปนั้นทำไมไม่ลงต่อตอนที่พูดชื่อนามสกุลล่ะ แล้วบอกด้วยนะว่าจากแบรนด์อะไร แล้วทำไมเรียกผู้ชายคนนั้น เรียกแบบนี้พี่ไม่เห็นรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกเลย พี่ไม่ได้พูดเพราะพี่ไม่ได้รู้จักนะ มันเป็นแค่วิธีและลีลา นี่มันคือแซว เพราะเดี๋ยวเราก็แนะนำกันต่อ มันคือแค่นั้นเอง และมีอีกอย่างน้อย 20 หรือ 30 คน ที่นั่งอยู่ตรงนั้น ที่พี่อั๋นไม่แม้แต่ทัก ไม่โดนด่าตายเลยเหรอ ทำไมเลือกทัก 3 ไม่ทัก 27 พี่เลยไม่เข้าใจว่าดราม่ามันเกิดจากอะไร หรือเจตนาในการขับเคลื่อนเกิดจากอะไร แต่พี่มายืนยันตรงนี้แล้วกันว่าเจตนาไม่ดีพี่คิดว่าไม่มีเลยในตรงนั้น แล้วตรงที่พี่ออกมาพูดรักเกินมักทำลาย ก็ไม่ได้ด่าใครทั้งสิ้น แต่มันเป็นสัจธรรม พี่พูดกลางๆ แม้แต่ตัวพี่ด้วย เหมือนกันลูกเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน คนที่มาพูดจาอะไรที่เราอาจไม่เข้าหู หรือลูกเราทำอย่างที่จริงๆ มันอาจจะผิดเราก็ต้องไม่เผลอเข้าข้าง แต่เรายืนอยู่ข้างๆ ได้ พี่ก็ไม่ได้ออกมาบอกว่าพี่ดีเลิศประเสริฐศรีแต่อย่างใดนะ แต่ถ้าจะอธิบายก็ถือโอกาสนี้ในการอธิบาย พี่ไม่คิดว่ามันจะจบได้ง่ายๆ หรอก แล้วเรื่องแบบนี้ก็คงจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้ามันอยู่ในความตั้งใจของการที่เราจะคุยกันเพื่อให้เห็นเจตนากัน พี่เลยคิดว่าได้พูดสักที”


“ส่วนในเรื่องของที่มีคนโยงไปในเรื่องของดราม่าก่อนหน้านี้ ประเด็นคัลแลน พี่จอง คือทั้งคู่พี่ไม่เคยเจอกันเลย เขาบอกว่าพี่มีปัญหากับจองกับคัลแลน พี่จะมีปัญหาอะไร อันนี้เข้าข่ายเฟคนิวส์ได้เลยนะ แล้วเขาบอกว่า พี่อั๋นเชิญทั้งสองคนมาในรายการ รายการไหน ลองพูดดิ พี่ทำรายการไหนที่จะเชิญเขาแล้วแมตช์ ไม่มี ซึ่งไม่ได้แปลว่าเขาไม่ดีพอ หรือพี่ไม่ชอบ แต่พี่ยังไม่เคยเชิญ แล้วที่บอกว่าพี่อั๋นพูดถึงค่าตัว ก็มันอยู่ในข่าว พี่เป็นมนุษย์ข่าว พี่เป็นนักข่าว พี่เป็นคนเล่าข่าว พี่ก็เล่าข่าวไง เราก็ถูกตัดต่อไป แล้วกลายเป็นบอกว่าพี่อั๋นไม่ชอบ อย่างนี้เป็นต้น แล้วมีอีกเยอะมาก ล่าสุดไปแขวะจองกับคัลแลนอีกแล้วที่เขาไปกระบี่หรืออะไรสักจังหวัดหนึ่ง พี่ยังไม่รู้เลยว่าเขาไป แล้วมีอีกบอกว่าล่าสุดไปเจอพี่อั๋นที่ห้องไอซียู กำลังวีนคุณหมอกับพยาบาลอยู่ ตัวจริงเป็นคนเหยียดคนอื่นมาก พี่ยังไม่ได้ไปโรงพยาบาลเลย พี่ไม่ได้เข้าไปอ่านนะ แต่มันมีคนส่งมา บอกว่าพี่อั๋น หนูว่าพี่ต้องทำอะไร พี่ตอบกลับไปว่าใจเย็นๆ เรื่องแบบนี้มันจะเกิดวนเวียนๆ กันนะ แต่มันจะเกิดไม่เกินสามวัน ซึ่งมันก็สามวันจริงๆ สามวันเป๊ะแล้วจบ ไม่รู้มันเป็นหลักสูตรอะไร”

“ส่วนเรื่องกรุ๊ปไลน์ มันเป็นการแซวเฉยๆ เมื่อกี้บนเวทีก็มีพูดเล่นกัน พี่ก็พูด เดี๋ยวเป็นดราม่า ในรายการล่าสุดพี่ไปถ่ายช่องวัน เขาก็พูดเรื่องนี้กัน ไม่ได้พูดถึงพี่ด้วยนะแต่มันเป็นมุกในรายการ เขายังพูดกันเลยมีพี่อั๋นอยู่ด้วย เราตัดออกไหมเดี๋ยวเขาจะหาว่าเราแขวะ แต่พี่บอกว่าไม่จำเป็นนะครับ ถ้าคิดว่ามันตลก คุณใส่ไปเลย ไม่เป็นไร ถ้าเรารู้ว่าเรามีเจตนาดีก็ไม่ต้องกลัวอะไร แค่นั้นเอง หลังจากนี้เราก็คงจะระวังคำพูดมากขึ้นก็แล้วกัน ถ้าตอบแบบนี้ก็จะดูดี จริงๆ ก็ระวังอยู่แล้วแหละ ก็คงต้องเคลื่อนตัวไปแบบนี้ ปัจจุบันที่ทุกคนสามารถคอมเมนต์อะไรก็ได้ ทุกคนที่สามารถพูดอะไรก็ได้ ทุกคนสามารถตัดต่ออะไรก็ได้ แต่พี่คิดว่าเป็นเรื่องที่พี่พูดบ่อยมากเลย ควรเข้าใจกันให้มาก แต่ตัดสินกันให้น้อยลง ในทุกเรื่องนะครับ เพราะสักวันนึงมันอาจจะวนมาถึงตัวเราหรือตัวใครก็ได้”


“หลังจากเกิดเรื่องก็ไม่คุยกับน้องแดนเลย เพราะไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว พี่มั่นใจว่าเขาไม่ได้มีอะไร ในขณะเดียวกัน ตัวออร์แกไนเซอร์ตัวเจ้าภาพ ตัวสปอนเซอร์ต่างๆ ก็มีการส่งข้อความมาคุยกัน ในมุมหนึ่งเขาก็ขอโทษ ซึ่งพี่บอกว่าไม่ต้องขอโทษ เพราะไม่มีใครผิด หรือแม้แต่แฟนคลับน้องแดนเอง เยอะมากส่งข้อความมา ไม่ได้ขอโทษเหมือนกัน แต่มาบอกว่านี่ไม่ใช่มติของแฟนคลับนะคะ มันเป็นความคิดต่าง ซึ่งถ้าเราบอกว่ามีสิทธิที่จะคิดต่าง ก็ได้ ถ้าบังเอิญสิ่งนี้ไประคายเขาก็มีสิทธิที่จะรู้สึก พี่ก็ออกมาอธิบายเจตนาแล้วกันครับ”