กรณีไกด์บริษัททัวร์นำเที่ยว 2 คน นำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 22 คน รวม 24 คน ไปเดินท่องเที่ยวถ้ำน้ำทะลุ ภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา เขตอุทยานแห่งชาติเขาสก ฝั่ง ต.คลองศก อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี และเกิดเหตุไกด์ 1 คน เป็นผู้ชาย ได้ถูกน้ำซัดสูญหายไป เจ้าหน้าที่อุทยานเข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั้งหมดและไกด์ที่เหลือ 23 คน ออกมาได้ปลอดภัย นำไปพักที่แพไกรสรของอุทยานฯ กระทั่งพบศพไกด์ในถ้ำลึกถึง 2 กิโลเมตร ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

พบแล้ว! ร่างไกด์ถูกซัดหายโผล่ถ้ำน้ำทะลุลึก 2 กิโล โชคดีไม่ซ้ำรอย 8 ศพปี 50

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายกุลบล พลวัน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสก ว่าได้นำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาสก เข้าให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 31 คน และไกด์นำเที่ยว 1 คน ไว้ได้ และนำไปพักที่จุดช่วยเหลือบริเวณแพไกรสร แต่มีไกด์นำเที่ยว 1 คน ชื่อนายกองยศ ปองดี ชื่อเล่น ฟลุ๊ค ยังสูญหาย เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งติดตามตัวผู้สูญหายรายดังกล่าว จนกระทั่งเวลา 01.00 น. ได้พบร่างของนายปองยศ เสียชีวิตอยู่บริเวณท้ายถ้ำน้ำทะลุ จึงนำร่างส่งโรงพยาบาลบ้านตาขุน พร้อมทั้งแจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อชันสูตรพลิกศพ ตามขั้นตอน

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ได้สั่งการไปยังนายกุลบล ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดกับบริษัททัวร์ฯ ซึ่งฝ่าฝืนนำนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวยังถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวประจำปี บริเวณถ้ำทะลุ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-30 พ.ย. ของทุกปี เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงหน้าฝน มีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ถ้ำน้ำทะลุ เป็นประจำทุกปี ในอดีตเมื่อปี 2550 เคยเกิดเหตุน้ำป่าทะลักเข้าถ้ำมาแล้ว เหตุการณ์ครั้งนั้นมีนักท่องเที่ยวและไกด์เสียชีวิตหลายราย

นายอรรถพล กล่าวว่า ดังนั้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอฝากเตือนไปยังบริษัทนำเที่ยวทุกแห่ง ตลอดจนนักท่องเที่ยว ขอให้ตรวจสอบการปิดแหล่งท่องเที่ยวประจำปีของอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ ตลอดจนการปิดแหล่งท่องเที่ยวในกรณีฉุกเฉิน โดยเฉพาะในช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน หลายพื้นที่มีฝนตกหนักและต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมแหล่งท่องเที่ยวซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งหากมีการฝ่าฝืนดังกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้น กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะดำเนินการตามกฎหมายกับบริษัททัวร์ที่ฝ่าฝืนอย่างเฉียบขาดต่อไป