นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว กล่าวว่า ปัจจุบันเขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 44 เปอร์เซ็นต์ หรือ 886 ล้าน ลบ.ม.จากความจุกักเก็บ 1,980 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งหากเทียบกับปี 2566 ที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกันมีปริมาณน้ำน้อยกว่าประมาณ 19 เปอร์เซ็นต์ และปัจจุบันทางโครงการได้ส่งน้ำเสริมฝนเข้าสู่คลองส่งน้ำชลประทาน เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรทั้งข้าวนาปี บ่อปลา และบ่อกุ้งกว่า 300,000 ไร่
นายสำรวย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาในปีนี้จะเกิดปรากฏการณ์ลานีญา อาจจะทำให้ปริมาณน้ำไหลลงอ่างมากขึ้น ทั้งนี้ปริมาณฝนในเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม 2567 จะคงอยู่ในเกณฑ์ค่าปกติ ซึ่งค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำลำน้ำปาวในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม จะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำปริมาณมาก ดังนั้นเพื่อควบคุมระดับน้ำ และให้มีช่องว่างในการรับน้ำใหม่ในช่วงดังกล่าว รวมทั้งเพื่อช่วยในการอุปโภค บริโภค พื้นที่การเกษตร เลี้ยงสัตว์ และรักษาระบบนิเวศ จึงมีการระบายน้ำทางอาคารระบายน้ำลงลำน้ำเดิม หรือจุดผันน้ำ และส่งน้ำผ่านอาคารระบายน้ำ หรือสปิลล์เวย์ลงลำน้ำปาว ในอัตราวันละ 5.50 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่สองฝั่งลำน้ำปาว
อย่างไรก็ตาม หากมีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ อาจจะส่งผลให้ระดับน้ำในลำปาว มีระดับสูงขึ้นและเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำได้ ซึ่งทางโครงการฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ หรือหากเกิดก็ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด พร้อมกับประสานไปยังอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งให้ประชาชนสองฝั่งลำปาวได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และหากมีสถานการณ์ที่จำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำ จะประกาศให้ทราบต่อไป