สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่าชายชาวโปแลนด์ ซึ่งก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นายกรัฐมนตรีเมตเต เฟรเดอริกเซน ผู้นำเดนมาร์ก ด้วยการต่อย กล่าวต่อศาลกรุงโคเปนเฮเกนว่า ไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์

ผู้ต้องหาชายวัย 39 ปี ถูกจับกุมทันที หลังก่อเหตุเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่จัตุรัสแห่งหนึ่งในกรุงโคเปนเฮเกน โดยผู้ต้องหาอาจต้องรับโทษจำคุก และถูกเนรเทศออกจากเดนมาร์ก หากศาลตัดสินว่ามีความผิด

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาให้การเพียงว่า จำได้ว่าพบกับผู้นำเดนมาร์ก แต่ไม่ได้แตะต้องตัวของอีกฝ่าย “ผมกำลังยืนเผชิญหน้ากับนายกรัฐมนตรี จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยจนถูกจับกุม” ชายผู้นี้เชื่อว่า การสูญเสียความทรงจำนั้นเป็นผลมาจากแอลกอฮอล์ที่ดื่มไปก่อนหน้านี้ และจากความประหลาดใจ เมื่อมีโอกาสเผชิญหน้ากับบุคคลสำคัญอย่างกะทันหัน เขากล่าวอีกว่า วันนั้นเป็นวันที่ “แย่” สำหรับเขา แต่ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม

เฟรเดอริกเซน วัย 46 ปี เข้ารับการตรวจร่างกายภายหลัง และได้รับการวินิจฉัยว่า มีรอยฟกช้ำที่ไหล่ขวา และบาดเจ็บเล็กน้อยจากการถูกเหวี่ยง

ชายคนดังกล่าวซึ่งอาศัยอยู่ในเดนมาร์กมานาน 5 ปี ถูกตั้งข้อหาใช้ความรุนแรงต่อข้าราชการ พนักงานสอบสวนกล่าวว่า เขาต่อยเฟรเดอริกเซนด้วยกำปั้นเข้าที่ไหล่ขวาของเธอ นอกจากนี้ เขามีประวัติกระทำอนาจาร และฉ้อโกงมาแล้วหลายครั้งด้วย

คำให้การจากบอดี้การ์ดของเฟรเดอริกเซนทั้ง 2 คน ระบุว่า มีคนจำนวนมากเดินไปตามถนนขณะที่ชายคนดังกล่าวเดินเข้าไปหานายกรัฐมนตรี “เขากล่าวอะไรบางอย่างซึ่งไม่สามารถเข้าใจได้ ขณะที่เดินผ่านเธอ ก่อนต่อยเข้าที่ไหล่เธออย่างแรง” บอดี้การ์ดบอกกับศาล

ทั้งนี้ อัยการและทนายไม่ได้เชิญเฟรเดอริกเซนมาเป็นพยาน ระหว่างการพิจารณาคดี “เป็นการประเมินของอัยการว่า ไม่จำเป็นต้องเรียกเธอมาเป็นพยาน” นายแอนเดอร์ส ลาร์สสัน อัยการพิเศษ อธิบาย “นี่เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อว่า เราสามารถตัดสินคดีได้โดยไม่ต้องขอให้เธอให้คำชี้แจง” อัยการกล่าวเสริม

หลังจากการพิจารณาคดี ลาร์สสันกล่าวว่า เขาไม่ต้องการลงรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ถูกกล่าวหา หลังถูกถามถึงแรงจูงใจทางการเมืองของผู้ก่อเหตุ ขณะที่ทนายความของจำเลย กล่าวว่า “เราไม่ได้ยินอะไรในศาลเกี่ยวกับแรงจูงใจทางการเมืองใด ๆ”

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา นายโรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย ถูกยิง 4 นัดในระยะเผาขน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ระหว่างทักทายผู้สนับสนุนหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่

นอกจากนี้ มีรายงานนักการเมืองหลายคนในเยอรมนีถูกทำร้ายระหว่างการปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES