เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันนี้ ว่า เมื่อคืนนอนหลับตั้งแต่ 22.30 น. ไม่เครียดอะไร 8 ชั่วโมงเต็มๆ ส่วนถามว่าเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ตอนแรกคิดว่าจะจะอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางบก  พ.ศ. … ของพรรคก้าวไกล แต่ดูเวลาจะเลย 14.00 น. เกรงว่าจะเดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญไม่ทัน ตอนนี้เรื่องที่ห่วงคือเรื่องการบริหารจัดการน้ำ เข้าใจว่ารัฐบาลคิกออฟไปแล้วเมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา ประเทศเราตอนนี้หน้าแล้งขนน้ำไปหาคน ตอนนี้หน้าฝนขนคนหนีน้ำ น้ำท่วมไปทั้งหมด 37 จังหวัดแล้ว การเยียวยาล่าช้า ทำให้ประชาชนหมุนเงินไม่ทัน อยากเร่งรัฐบาล เป็นปากเสียงแทนพี่น้องประชาชน

เมื่อถามว่าวางแผนงานไว้อย่างไรหลังจากนี้ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีการวางแผน ปกติพรุ่งนี้เช้ามีการถามกระทู้ ซึ่งผู้นำฝ่ายค้านจะถามนายกฯ ครบรอบ 1 ปีในการทำงาน ว่ามีอะไรที่จะเสนอแนะรัฐบาลบ้าง ตนก็ทำงานตามปกติ ถ้าผลการตัดสินออกมาไม่เป็นคุณ เราก็มีแผนงานอยู่ดี เช่น เสาร์อาทิตย์นี้อยู่ จ.ราชบุรี ยังทำงานทางการเมือง เป็นนักการเมือง สส.ก็ต้องทำงานการเมือง พี่น้องประชาชน พลเมืองก็ทำงานการเมืองได้ ยืนยันมยังมั่นใจแนวทางในการต่อสู้ อย่างมั่นใจในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ว่าจะได้รับความเป็นธรรมในบ่ายวันนี้ แต่ตอนนี้ยังมีเวลาขอทำหน้าที่ สส.ให้สมกับที่ประชาชนเลือกมาก่อน

เมื่อถามว่าเช็กสัญญาณหรือยังไม่ได้เช็กว่าผลจะออกมาอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้เช็ก เมื่อคืนก็หลับตามปกติทุกอย่าง ก่อนกลับก็กินข้าวกับเพื่อนๆ สส. และร้องคาราโอเกะ คืนนี้ไม่รู้จะมีแรงปราศรัยหรือเปล่า เมื่อถามว่าภาพบรรยากาศการประชุมพรรคซึ่งมีการลงรูปเป็นอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า ก็เป็นไปอย่างที่ภาพเล่าเรื่อง มีความเป็นเอกภาพ มีความสมัครสมานสามัคคี เป็นความรู้สึกสบายๆ ชิลชิล ไม่กังวลแต่ไม่ประมาท เข้าใจว่าพรรคก็ไปต่อได้แน่นอน

เมื่อถามถึงกระแสการซื้องูเห่าหัวละ 20-30 ล้านบาท  นายพิธา กล่าวว่า ตนก็มีโอกาสได้เห็นหลักฐานบ้าง จากโทรศัพท์คนอื่นและหลายๆ พรรคบ้างก็มาเป็นจำนวนเงิน บางอันก็มีตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ให้ตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ สส.ก็เอามาให้ตนดู  มั่นใจว่า เขายินดีเดินทางต่อไปกับพรรคก้าวไกลแน่นอน

“เงินและตำแหน่งซื้อเขาไม่ได้แน่นอน มันคือความไว้วางใจที่ประชาชนให้มา เขาจะไม่นำเอาไปแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัวแน่นอน ผมก็รู้สึกเบาใจ แต่ก็ให้ประชาชนได้รู้ว่า มีการเมืองใต้เข็มขัดมีการเมืองสกปรกอย่างนี้อยู่จริงๆ ในบ้านเมืองเรา ในช่วงเวลาแบบนี้” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามว่าเหมือนเขารู้หรือไม่ว่าอนาคตพรรคก้าวไกลจะเป็นแบบนี้จึงมีการซื้อตัว  นายพิธา กล่าวว่า ตนคิดว่าเขาทำไปเพื่อที่จะสร้างให้อนาคตเขาเป็นแบบนั้น แต่เมื่อเราไม่ยอม อนาคตก็เป็นไปอย่างที่เราต้องการที่จะให้เป็น เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าอุดมการณ์จะไม่สร้างให้พรรคเป็นงูเห่า นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่แค่อุดมการณ์อย่างเดียวแต่มันคือ นโยบายของเรา มันคือความเชื่อใจของพี่น้องประชาชน และตนก็เชื่อมั่นในตัว สส. และว่าที่ผู้สมัครของพรรคทุกคน ได้ถามเขาว่าทำไมถึงอยากมาเล่นการเมือง และทำไมต้องมากับพรรคก้าวไกล และทำไมต้องมาในสมัยนี้ ดังนั้นด้วยการที่เราย้ำแล้วย้ำอีก เขาก็คงเป็นคนที่มีความน่าเชื่อมั่นและเชื่อใจได้ว่าเขามาเล่นการเมืองเพราะอะไร

เมื่อถามว่าอยากบอกอะไรหรือไม่เพราะวันนี้เราโดนตัดสินอย่างแน่นอน  นายพิธา กล่าวว่า ยังมั่นใจในข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย และได้ทำทุกอย่างเต็มที่ ที่เป็นไปได้ทุกอย่างแน่นอน ตอนนี้ขอมีสมาธิในการประชุมสภาช่วงเช้าก่อน ดังนั้นก็ไม่มีความกังวล หรือคิดอะไรล่วงหน้าไปก่อน

เมื่อถามถึงคนที่มาเสนอซื้อตัว สส. ของพรรคเป็นคนเดียวกับที่นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ออกมาเปิดเผยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คิดว่ามีเยอะมากกว่านั้น  ต่อข้อถามถึงการตั้งพรรคสำรอง โดยปรากฏชื่อพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลออกมา นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องการประชุมสภา และฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในช่วงบ่ายก่อน  

เมื่อถามถึงกรณีปรากฏภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในงานศพมารดานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นายพิธา กล่าวว่า ส่วนตัวตนไม่ได้สนใจเรื่องอื่น สนใจแต่ประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่ง และสนใจการทำงานของเพื่อนๆ ในพรรค สนใจเรื่องของ น.ส.จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง นักมวยหญิง ได้เหรียญทองแดงและขอแสดงความยินดีด้วย

ต่อข้อถามว่าเสียใจหรือไม่ที่นักวิชาการส่วนใหญ่วิพากษ์วิจารณ์ไปในทางลบ นายพิธา กล่าวว่า เราไม่ได้รู้สึกถือโทษโกรธอะไรใคร ข้อเท็จจริงและสถิติมันเป็นอย่างนั้น ตั้งแต่ปี 2549 มี 33 พรรคถูกยุบ ซึ่งตัวเลขที่ออกมา 33 พรรคนั้นไม่ว่าคนที่ถูกตัดสิทธิ จำนวน 249 คน ดังนั้นตรงนี้ ใครที่เป็นนักสถิติหรือนักวิชาการที่ติดตามมาตั้งอดีตก็น่าจะรู้สึกอย่างนั้น อย่างไรก็ตามก็เป็นข้อเท็จจริงอยู่ดีว่ามีพรรคหนึ่งรอด คือพรรคประชาธิปัตย์ ที่ กกต.ทำคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็คล้ายๆ กับข้อต่อสู้ที่พรรคก้าวไกลทำอยู่ตอนนี้ เพราะว่า กกต.ไม่ได้ทำตามระเบียบของ กกต. ทำให้ตนไม่มีสิทธิที่จะไปชี้แจง และรับทราบข้อกล่าวหาในชั้นของ กกต. ที่พูดมาไม่ได้ต้องการที่จะมาพูดซ้ำก่อนที่จะมีคำตัดสิน แต่เอาเป็นว่ายืนยันในคำแถลงปิดคดีที่ได้แถลงไป เพื่อให้พี่น้องประชาชนและผู้สนับสนุนพรรครับทราบเท่านั้น

เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะไม่ซ้ำรอยกับพรรคอนาคตใหม่ใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า “ไม่ซ้ำรอยประวัติศาสตร์ครับ”.