จากกรณีผู้ต้องขังเรือนจำบางขวาง ทำหนังสือร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความ หลังถูกนักโทษชายที่นอนร่วมห้องขังวางยานอนหลับและข่มขืนกระทำชำเรา แต่เมื่อนำเรื่องไปแจ้งผู้คุม คดีกลับไม่มีความคืบหน้า ทำให้ นักโทษชายที่ก่อเหตุได้ใจ ตะโกนบูลลี่ใส่ทุกวันคล้ายกับอยากประจานให้เพื่อน นักโทษคนอื่นรับรู้ สร้างความอับอายจนเกิดความเครียด ที่ผ่านมาสภาพจิตใจย่ำแย่มากจนถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายในห้องขังของเรือนจำกลางบางขวาง ต่อมา นช.ผู้เสียหายตัดสินใจยื่นหนังสือร้องขอความช่วยเหลือไปยัง ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ก่อนจะมีมติเป็นเอกฉันท์ให้จัดตั้งทีมงานทนายความเพื่อช่วยเหลือทางด้านคดี นั้น

คืบหน้าเมื่อวันที่ 6 ส.ค. พ.ต.ท.บำเพ็ญ ไวยรจนา รอง ผกก.หน.งานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เปิดเผยว่า ตนในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในคดีดังกล่าว ได้ลงพื้นที่เข้าไปในเรือนจำกลางบางขวาง เพื่อทำการสอบสวนพยานทั้งหมดซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของเรือนจำจำนวน 7 ปาก รวมทั้งสอบปากคำ นช.ทั้งผู้ก่อเหตุ ผู้เสียหาย และเพื่อน นช.ในเหตุการณ์รวมทั้งหมด 4 คน โดยพบว่า นช.ผู้ก่อเหตุได้กระทำความผิดจริงตามที่ นช.ผู้เสียหายร้องเรียน และมอบหมายให้ทางทนายความเข้าแจ้งความดำเนินคดี จึงได้แจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นกับ นช.ผู้ก่อเหตุไปแล้วเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเมื่อวานนี้ได้พิมพ์ลายนิ้วมือ นช.ผู้ก่อเหตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าภายในอาทิตย์นี้จะสามาถทำสำนวนส่งฟ้อง นช.ผู้ก่อเหตุให้กับทางพนักงานอัยการเพื่อสั่งฟ้องดำเนินคดีต่อไป

พ.ต.ท.บำเพ็ญ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นเรื่องที่ นช.ผู้เสียหาย ร้องเรียนว่ามีการลักลอบแอบวางยานอนหลับในห้องขังนั้น จากการลงพื้นที่ไปตรวจสอบพบว่า ห้องที่เกิดเหตุเป็นห้องขังซอยซึ่งมี นช. 3 คนอยู่ด้วยกันในคืนเกิดเหตุ คือ นช.ผู้ก่อเหตุ นช.ผู้เสียหาย และ นช.ร่วมห้องขังอีกหนึ่งคน เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ของทางเรือนจำให้ข้อมูลว่า เรือนจำแดน 10 ซึ่งเป็นแดนที่เกิดเหตุนั้น มีมาตราการควบคุมสิ่งของต้องห้ามเข้มงวดเป็นพิเศษอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นแดนควบคุมผู้ต้องขังที่มีโทษซ้อนโทษ จึงไม่มีโอกาสที่ นช.ในแดนดังกล่าวจะลักลอบนำยานอนหลับเข้าไปก่อเหตุได้ ซึ่งทาง นช.ผู้เสียหายเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปตรวจสอบและดำเนินคดีกับ นช.ผู้ก่อเหตุแล้ว สุขภาพจิตก็ดีขึ้น จากที่เคยวิตกกังวลว่าคดีเขาจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเขาก็เบาใจลง และหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่เรือนจำก็ได้แยกขัง นช.ทั้ง 3 รายออกจากกันไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติของ นช.ผู้ก่อเหตุ พบว่าเคยถูกจับกุมตัวดำเนินคดีมาแล้วหลายข้อหา ทั้งคดียาเสพติด และคดีลักทรัพย์ในหลายพื้นที่ ล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมปี 63 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมข้อหาลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด จนนำตัวส่งฝากขังยังเรือนจำจังหวัดนนทบุรี แต่ต่อมา นช.ผู้ก่อเหตุรายนี้เกิดป่วยด้วยอาการไส้ติ่งแตก จึงถูกนำตัวส่ง รพ.พระนั่งเกล้า เพื่อทำการผ่าตัดรักษา โดยมีเจ้าหน้าที่เรือนเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ นช.รายนี้ได้อาศัยจังหวะขณะที่เจ้าหน้าที่เรือนจำผลัดเปลี่ยนเวร หลบหนีออกไปจากโรงพยาบาล แล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวกลับมาได้ในที่สุด จึงทำให้ นช.รายนี้ถูกส่งตัวไปฝากขังต่อที่เรือนจำกลางบางขวาง จนกระทั่งมาก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราเพื่อนนักโทษชายร่วมห้องขังอีก และบูลลี่เพื่อน นช.ที่ถูกกระทำในทำนองว่า ตกเป็นเมียแล้วอย่าสร้างปัญหา จนทำให้ นช.ผู้เสียหายเกิดความอับอายและเครียดจนอยากฆ่าตัวตาย จึงได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังสภาทนายความเพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือดำเนินคดีกับ นช.ที่ก่อเหตุ.