วันที่ 6 ส.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม. ว่า ในเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีสัญญาณว่าอาจมีเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอเมริกานั้นตนได้จับตาและติดตามสถานการณ์อยู่ ทั้งนี้ มองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคงเกิดจากความกังวลมากกว่า และเชื่อว่าสหรัฐ มีมาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่แล้ว 

“เมื่อเช้าได้ดูภาวะตลาดหุ้นก็เห็นว่าปรับตัวขึ้นมาได้ระดับนึงจากที่ลงไปเมื่อวานเช่นเดียวกับดัชนีหุ้นนิคเคอิ ของญี่ปุ่นก็ฟื้นตัวขึ้นมาได้แล้วช่วงในเมื่อเช้า” นายเศรษฐา กล่าว 

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเรื่องการเข้ามาตีตลาดของสินค้าจีนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ไปติดตามดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิด ซึ่งไม่ยอมให้ผู้ประกอบการไทยและผู้บริโภคต้องเสียประโยชน์หรือได้รับผลกระทบ โดยไม่ได้ดูแค่ผลกระทบของสหรัฐเพียงอย่างเดียว แต่ได้ดูสถานการณ์ทั้งหมด และได้ประสานงาน พร้อมจัดประชุมกับผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อยรายใหญ่ เพื่อให้รับต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ทัน ซึ่งทั้งหมดนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังหาทางออก และถ้ามีความคืบหน้าจะแจ้งเป็นระยะ ๆ ต่อไป

ทั้งนี้ได้เตรียมตัวรับมือทุกสถานการณ์มาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะรู้ว่าสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สงคราม และสถานการณ์การจัดระเบียบโลกใหม่ที่เกิดขึ้น เป็นต้นทางและเป็นอุปสรรคกับการส่งออก จึงได้หาทางดูแลและวางระบบเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ต่อเนื่องแล้ว ส่วนกรณีบริษัทด้านอีคอมเมิร์ซที่เข้ามาบุกตลาดในประเทศไทยจนเกิดข้อกังวลว่าจะกระทบต่อผู้ประกอบการไทย กระทรวงพาณิชย์รับทราบแล้ว ซึ่งต้องเข้าใจปัจจุบันระบบการค้าโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่การค้าออนไลน์มากขึ้น โดยข้อกังวลที่เกิดขึ้นก็ยังเป็นการคาดเดาสถานการณ์ จึงคงต้องรอดูสถานการณ์ก่อน  

อย่างไรก็ตามในเร็ว ๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์ เตรียมนัดประชุมหน่วยงานเศรษฐกิจ ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณาการนำเข้า-ส่งออกสินค้าให้มีมาตรฐาน ทั้งมาตรฐานอุตสาหกรรม และมาตรฐานของสำนักงานคระกรรมการอาหารและยา หรือ อย. โดยจะหาแนวทางทางควบคุมป้องกันได้อย่างไรบ้าง หรือจะแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคฉบับใดได้บ้าง ที่ไม่ขัดต่อความตกลงขององค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอด้วย

นายประเสริฐ จันทรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี สั่งให้ตรวจสอบแอปพลิเคชันทีมู ว่า แพลตฟอร์มทีมูได้มาจดแจ้งที่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีทีดีเอ เมื่อต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่าแพลตฟอร์มนี้จะตัดช่องธุรกิจในประเทศไทย เป็นประเด็นที่ทางกระทรวงดีอี ติดตามอยู่ ซึ่งการขายสินค้าของแพลตฟอร์มนี้ เป็นการขายสินค้าตรงจากทางโรงงาน หลายสินค้าไม่มีแบรนด์อาจทำให้สินค้าราคาถูก ต้องเข้าไปดูองค์ประกอบด้วย เช่น คุณภาพสินค้า ที่มีการลดราคาสูงถึง 90% หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องติดตามดู

ส่วนเรื่องมาตรฐานสินค้า ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ต้องพูดคุยกัน ส่วนของกระทรวงดีอี เราจะดูเรื่องแพลตฟอร์ม เป็นหลัก เช่นจะต้องมีการคืนสินค้า การขนส่ง ส่วนเรื่องคุณภาพและมาตรฐานสินค้าก็มีหน่วยงานที่กำกับดูแลอยู่แล้ว ย้ำว่าเรื่องนี้จะต้องมีการหารือกัน และตนจะพูดคุยกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์

เมื่อถามว่า หากแอปพลิเคชันดังกล่าว ยังคงขายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน มีโอกาสที่จะสั่งปิดแพลตฟอร์มนี้หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนจะเปิดหรือปิดแพลตฟอร์ม เป็นอีกประเด็นหนึ่ง เพราะการขายสินค้าของแอปพลิเคชันนี้ มีจำนวนมาก จะไปเหมารวมทั้งหมดเพียงเพราะมีสินค้าบางตัวที่ไม่ได้มาตรฐานและจะไปปิดแพลตฟอร์มไม่ได้ ขณะนี้ยังไม่พบผู้เสียหายที่แจ้งมายังอีทีดีเอ เนื่องจากแพลตฟอร์มนี้ เพิ่งเริ่มดำเนินการเมื่อต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา คงต้องรอดูสักพัก