จากกรณี “เดลินิวส์”  ได้เสนอข่าวปัญหาการถือครองที่ดินของรัฐ และการประกอบธุรกิจวิลล่าหรูให้เช่าของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากเหตุการณ์แหม่มสาวชาวฝรั่งเศสก่อเหตุฆ่าตัวตายแล้วเขียนพินัยกรรมยกทรัพย์สินประกอบด้วยบ้านและที่ดินให้กับแม่บ้านชาวไทยมูลค่านับ 100 ล้านบาท จนนำไปสู่การตรวจสอบของ กอ.รมน.ภาค 4 และพบปัญหาความรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยมีการประเดิมกล่าวโทษเอาผิดการก่อสร้างวิลล่าหรู จำนวน 53 หลัง บนเขาเฉวงน้อย พื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.บ่อผุด ต่อ พนักงานสอบสวน บก.ปทส. ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับการตรวจสอบการประกอบธุรกิจและการถือครองที่ดินของแหม่มชาวฝรั่งเศส  เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ว่าที่ ร.ท.สมชาย เรืองจันทร์ ปลัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริงตามมาตรการป้องกันการถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าว พื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดกรณี แหม่มชาวฝรั่งเศส ก่อเหตุฆ่าตัวตาย บนเกาะสมุย แล้วทำพินัยกรรมยกทรัพย์สิน เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้กับแม่บ้านคนสนิทชาวไทย จนนำไปสู่การตรวจสอบการถือครองที่ดิน และการประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าว ที่มี กอ.รมน.ภาค 4 เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนหลัก ซึ่งขณะนี้การดำเนินงานในการตรวจสอบคืบหน้าไปมากแล้ว รวมถึงมีการกล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดไปบ้างแล้ว ในส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

โดย นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ เข้าตรวจสอบกรณีการถือครองที่ดิน และการประกอบธุรกิจในนามบริษัทนิติบุคคล ของแหม่มชาวฝรั่งเศสคนดังกล่าว มีคณะกรรมการประกอบด้วย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายอำเภอเกาะสมุย ผู้แทนพาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้แทนนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุย หัวหน้ากลุ่มงานอำนวยความเป็นธรรม ที่ทำการปกครองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดอำเภอเกาะสมุย และหัวหน้าฝ่ายทะเบียนสำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุย

ปลัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวอีกว่า ล่าสุดได้เรียกประชุมคณะกรรมการ เพื่อสรุปและร่วมหารือในข้อกฎหมาย หลังการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าที่ดินและธุรกิจวิลล่าให้เช่าได้มาในนามบริษัทนิติบุคคลซึ่งเป็นการซื้อขายที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งประเด็นปัญหาที่จะต้องตรวจสอบต่อไป  ก็คือการจดทะเบียนนิติบุคคล  ว่าในการจดทะเบียนเป็นบริษัท ซึ่งมีผู้ถือหุ้นเป็นชาวไทย 2 คน มีลักษณะให้คนไทยถือหุ้นแทนหรือไม่ โดยประเด็นสำคัญที่จะต้องตรวจสอบ คือการจดทะเบียนนิติบุคคลจะเข้าข่ายเจตนาในการหลีกเลี่ยงกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจะได้มีหนังสือไปยังสำนักงานสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของหุ้นส่วนคนไทย เพื่อนำมาวิเคราะห์ถึงที่มาของรายได้ ก่อนจะสรุปผลการตรวจสอบเสนอผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป เช่น การตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อแสดงถึงที่มาของรายได้