เมื่อวันที่ 6 ส.ค. นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กถึงการที่กลุ่มไอลอว์เผยแพร่หนังสือตอบกลับของรัฐบาลไทย ถึงสหประชาชาติ ต่อกรณียื่นยุบพรรคก้าวไกล ว่า ตามที่กลุ่มไอลอว์พาดหัวข่าวว่ารัฐบาลไทยชี้แจงผ่านหนังสือดังกล่าวว่าการยื่นยุบพรรคการเมืองเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และย้ำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รัดกุม เหมาะสมแล้วที่จะมีโทษรุนแรงนั้น เป็นการพาดหัวข่าวที่สรุปรวบแบบไม่ตรงกับเนื้อหาและความเป็นจริง แต่เป็นการชี้นำ และสร้างความเข้าใจผิดจากข้อเท็จจริงของเนื้อหาในหนังสือจากคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพราะหนังสือของไทย เป็นการตอบคำถามตามข้อร้องเรียนของกลไกพิเศษเกี่ยวกับกระบวนการที่ผ่านมาแล้ว ได้แก่ คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2567 และการยื่นคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกล โดยคำชี้แจงที่ส่งไปเป็นข้อเท็จจริงและสถานะของคดี ณ วันที่ตอบข้อร้องเรียน รวมถึงกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

นายรัศม์ ระบุอีกว่า นอกจากนี้ รัฐบาลไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟ้องยุบพรรคก้าวไกล และไม่สามารถแทรกแซงการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญได้ ทั้งนี้ หนังสือของไทยฉบับนี้ ได้ระบุเกี่ยวกับกำหนดการตัดสินคดีของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค. 2567 โดยไม่มีการคาดเดาเท่านั้น และภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินแล้ว กลไกพิเศษยังสามารถส่งข้อร้องเรียน หรือข้อซักถามเพิ่มเติมได้  อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคการเมือง เพราะที่ผ่านมามีการยุบพรรคการเมืองหลายครั้ง ตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน และไทยรักษาชาติ ซึ่งการยุบพรรคที่ยึดโยงกับประชาชน ทำให้เสียงของประชาชนไม่ถูกสะท้อนตามความเป็นจริง ทั้งนี้ อำนาจการยุบพรรคการเมืองโดยศาลฯ นั้น เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่ประชาชนไทยให้การรับรอง รัฐบาลจึงไม่ก้าวล่วงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ