จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เผยแพร่ภาพบ้านเช่าหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี ถูกผู้เช่าค้างค่าไฟเป็นจำนวนเงิน 13,000 บาท มีการย้ายหนีออกไปแล้ว โดยสภาพบ้านเต็มไปด้วยกองขยะ ตั้งแต่หน้าประตูรั้ว จนถึงในบ้านชั้น 1 และชั้น 2 เศษอาหารกองขยะมีหนอนขึ้น มีชุดชั้นในกางเกงในกองอยู่รวมกัน ส่วนในตัวบ้านพบอ่างล้างมือแตกชำรุดในห้องน้ำชั้น 2 ทางเจ้าของพยายามติดต่อผู้เช่า แต่ถูกบล็อกไม่สามารถติดต่อได้ จึงโพสต์ข้อความไว้ว่า “…ฝากเจ้าของบ้านระวังผู้เช่ารายนี้ด้วยนะคะ หากใครต้องการข้อมูลทักแชตได้เลยค่ะ ผู้เช่าค้างค่าไฟ 10,000 กว่าบาท ย้ายออกโดยไม่แจ้ง แจ้งเป็นข้อมูลเพื่อให้เจ้าของและเอเย่นต์บ้านอื่นระวังกันค่ะ…”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายศุภโชค ควรฦาชัย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเขาบิน และนางขวัญฤดี ควรฦาชัย ภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งได้มีการว่าจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดไปบ้างแล้ว โดย นางขวัญฤดี เล่าให้ฟังว่า ทางผู้เช่ารายนี้ ขอเช่าบ้านกับตนในช่วงเดือนมีนาคม 2567 โดยมีการบอกกับตนว่าได้ย้ายออกมาจากบ้านเอื้ออาทร เพราะว่ามีการก่อสร้างอยู่ ประกอบกับตอนมาขอเช่านั้นมีลูกเล็ก ตนจึงเห็นว่าผู้เช่านั้นดูเป็นคนเรียบร้อยและสะอาดจึงได้ให้เช่าไป

โดยในเดือนแรกมาแจ้งกับตนว่าอ่างล้างมือแตก ตนจึงให้ผู้เช่าเปลี่ยนแล้วแจ้งมา แต่ก็เงียบหายไป จนมาถึงเดือนนี้ ซึ่งถึงครบกำหนดที่ผู้เช่านั้นต้องจ่ายค่าเช่า ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ พอเข้าไปดูในไลน์กลุ่มที่ได้สร้างไว้มี ทั้งเอเย่นต์และผู้เช่าอยู่รวมถึงตนด้วย ถึงได้เห็นว่าผู้เช่ามีการกดออกจากกลุ่มไลน์ไปแล้ว ทำให้รู้สึกผิดสังเกต พอเข้าไปเช็กค่าไฟบ้านปรากฏว่า มีการค้างจ่ายถึง 13,000 บาท

จากนั้นในวันที่ 4 ส.ค. 67 ตนพยายามเข้ามาดูบ้าน แต่เห็นบ้านถูกล็อกไว้และไฟปิดสนิท เลยไม่ได้เข้ามาดูในบ้าน กระทั่งเช้าวันที่ 5 ส.ค. 67 จึงเข้ามาดูในบ้าน ปรากฏว่าทุกพื้นที่ในบ้านมีแต่ขยะส่งกลิ่นเน่าเหม็น มีหนอนชอนไช ท่อน้ำตันจนเกิดการเอ่อล้นลงมาข้างล่าง ทำให้น้ำขังและเน่าเหม็น ผู้เช่าได้มาเช่าบ้านกับตนเป็นระยะเวลา 5 เดือน ที่ผ่านมายังไม่เคยมีปัญหาการค้างค่าเช่าบ้าน ตนจึงไม่ผิดสังเกตอะไร เพราะตนเห็นว่าครอบครัวนี้เรียบร้อยดี ดูไม่น่ามีปัญหาอะไร ตนจึงไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวายที่บ้าน แต่พอตนได้มาเห็นสภาพบ้านจึงตกใจว่าสิ่งที่ตนมองนั้น ไม่ใช่อย่างที่คิด ทั้งยังไม่ทราบว่าผู้เช่ามีการย้ายออกไปตอนไหน มาทราบก็ตอนที่ผู้เช่านั้นได้ออกจากไลน์กลุ่มบ้าน ไม่ได้จ่ายค่าไฟและการไฟฟ้ามีการตัดไฟ ผู้เช่านั้นค้างค่าไฟเป็นเงิน 13,000 บาท และค่าน้ำ 500 บาท

หลังจากที่เกิดเรื่อง ตนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับตนเอง แม้จะเคยเห็นในข่าวมาบ้างก็ตาม เพราะเชื่อว่ามีการคัดกรองผู้เช่าอย่างดีแล้ว เห็นหน้าค่าตาคิดว่าจะเป็นคนเรียบร้อยสะอาด และเห็นว่ามีลูกเล็กด้วย ตนจึงไม่ได้คิดว่าผู้เช่านั้นจะมีสภาพการเป็นอยู่แบบนี้ ตอนเข้าบ้านทำสัญญาเป็นระยะเวลา 1 ปี และมีค่ามัดจำบ้านไว้ แต่ค่าเสียหายมันเกินค่ามัดจำบ้านไปแล้ว และรวมถึงค่าไฟด้วย ตนต้องมีการรีโนเวทใหม่ ห้องน้ำมีการขึ้นรา ต้องทาสีใหม่ และท่อน้ำข้างหลัง ที่น้ำขังจนเป็นคราบและขัดออกไม่ได้ ตนประเมินค่าเสียหายไว้น่าจะไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท

ด้าน นายศุภโชค กล่าวว่า เรื่องนี้ตนอยากให้เป็นตัวอย่างกับสังคมว่า คนเราสามารถพูดคุยกันได้ แต่การที่ทำแบบนี้ คือไม่มีความรับผิดชอบ และอาจจะไปทำอย่างนี้กับเจ้าของบ้านรายอื่น ๆ อยากให้เห็นใจคนที่ปล่อยเช่าบ้านด้วย เพราะต้องรีโนเวทบ้านเป็นเงินหลายแสนบาท ตอนนี้ควรที่จะพูดคุยกันดีกว่าหนีปัญหา เสมือนผู้ต้องขังในเรือนจำหากหนียังไงสุดท้ายก็ไม่พ้นโดนจับอยู่ดี อย่างไรก็ตามตอนนี้ตนยังให้โอกาสที่จะติดต่อให้กลับเข้ามาพูดคุยกัน หากนิ่งเฉยก็ต้องดำเนิดการตามขั้นตอนกฎหมาย

ขณะที่ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เปิดเผยว่า กรณีนี้น่าเห็นใจเจ้าของหอพักและบ้านเช่าที่จะเจอลูกค้าแบบนี้ ในทางกฎหมายการเช่าอยู่แบบนี้คือสัญญาเช่า ในสัญญาเช่าก็จะมีเขียนภาระหน้าที่ของผู้เช่าและผู้ให้เช่าอยู่แล้ว ผู้เช่าก็มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของผู้ให้เช่า ใช้งานตามสมควร ใช้งานตามการใช้สอยปกติ ในระหว่างการเช่าถ้ามีทรัพย์สินเสียหาย โดยไม่ได้เกิดจากการใช้ปกติถือได้ว่าผู้เช่านั้นละเมิดสิทและผิดกฎสัญญาเช่ากับเจ้าของบ้าน ถึงแม้ว่าผู้ให้เช่าจะได้ทำการย้ายแบบไม่แจ้ง และยังค้างค่าไฟอยู่ เจ้าของบ้านสามารถใช้สิทธิทางศาลในการเรียกค่าเสียหายได้ 1.ค่าเช่าที่ค้าง 2.ค่าซ่อมบ้าน 3.ค่าน้ำ-ค่าไฟที่ต้องชำระ

นอกจากนี้ในระยะเวลาที่รีโนเวทบ้านหรือว่าซ่อมบำรุง ยังหาผู้เช่าใหม่ไม่ได้ในช่วงที่ขาดประโยชน์ จากการต้องซ่อมก็ยังสามารถเรียกค่าเสียหายจากคนเช่าบ้านได้อีก ถึงผู้เช่าถ้าได้ดูคลิปนี้ ตนก็อยากให้เข้าใจ ที่เรายังไม่โดนตำรวจจับ เพราะเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย หรือกระทั่งค่าเช่าและค่าไฟที่เกิดขึ้น ถ้าเจ้าของบ้านเกิดการฟ้องขึ้นมา เราก็ต้องรับผิดชอบในสัญญาเช่า อยู่แบบไหนใช้แบบนั้น ถ้าเราทำของเขาเสียหายยังไงเราก็ต้องจ่าย เพราะมันเป็นหน้าที่ของพลเมืองที่ดี.