จางเป่ยเจิน นักโภชนาการชาวไต้หวัน โพสต์เฟซบุ๊กเผยวิธีคำนวณว่า เราควรดื่มน้ำวันละกี่ลิตร? เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเลือดเหนียวข้น ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการหัวใจวายเฉียบพลัน และโรคหลอดเลือดสมอง
การดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะทำให้เลือดเหนียวข้น ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้หัวใจวายเฉียบพลัน และโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน ซึ่งทำให้เป็นอัมพาตได้
วิธีคำนวณว่าเราควรดื่มน้ำวันละกี่ลิตรแบบง่าย ๆ จากนักโภชนาการจาง
คนเราควรดื่มน้ำในปริมาณอย่างน้อย 30 เท่าของน้ำหนักตัว เช่น เรามีน้ำหนัก 80 กิโลกรัม ก็นำ 80 ไปคูณด้วย 30 ผลที่ได้ออกมาคือ 2,400 แสดงว่าเราควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2,400 มิลลิลิตร หรือ 2.40 ลิตร
แต่การดื่มน้ำไม่ควรดื่มทีเดียวเยอะ ๆ ควรดื่มครั้งละไม่มากเกินไป ประมาณ 150-300 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง และนักโภชนาการจางแนะนำว่าคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ให้ดื่มน้ำทุกชั่วโมง ชั่วโมงละ 150-300 มิลลิลิตร ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกอิ่ม ไม่อยากกินจุกกินจิก และไม่ควรอั้นปัสสาวะด้วย เพราะอาจทำให้ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้
นอกจากนี้ นักโภชนาการจางยังเตือนว่า เวลาออกกำลังกายควรดื่มน้ำ 3 ช่วงเวลา คือ ก่อน ระหว่าง และหลังการออกกำลังกาย แต่ต้องดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ดื่มมากจนเกินไป โดยระหว่างออกกำลังกาย ควรดื่มน้ำทุก ๆ 20 นาที เพื่อชดเชยน้ำที่เสียไปจากเหงื่อ
ข้อควรระวังคือ ไม่ควรดื่มน้ำมากเกินไปในระยะเวลาอันสั้น เพราะอาจทำให้สมดุลของเหลวในร่างกายมีปัญหา ซึ่งจะทำให้เรามีอาการคลื่นไส้ เวียนหัว ชัก ไม่รู้สึกตัว ซึ่งรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ทั้งนี้ นักโภชนาการจางยังแนะนำว่า หลังจากเวลา 14.00 น. ไปแล้ว ไม่ควรดื่มชาและกาแฟ เพราะอาจส่งผลให้นอนไม่หลับได้ในตอนกลางคืน
ด้านสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Academy of sciences – NAS) และ สถาบันแพทยศาสตร์ (The Institute of Medicine – IOM) ให้คำแนะนำเรื่องการดื่มน้ำเอาไว้ว่า…
“ผู้ชาย” ควรดื่มวันละประมาณ 3.7 ลิตรต่อวัน (ประมาณ 15.5 แก้ว)
“ผู้หญิง” ควรดื่มวันละประมาณ 2.7 ลิตรต่อวัน (ประมาณ 11.5 แก้ว)
ขณะที่สูตรคำนวณการดื่มน้ำตามน้ำหนักตัวแบบสากล [น้ำหนักตัว หารด้วย 2 จากนั้นนำไปคูณ 2.2 เพื่อแปลงน้ำหนักจาก “กิโลกรัม” เป็น “ปอนด์” จากนั้นคูณด้วย 30 ก็จะได้เป็นผลลัพธ์ปริมาณน้ำ (มิลลิลิตร) ที่ต้องดื่มต่อวัน.
ติดตามนักโภชนาการ “จางเป่ยเจิน” ได้ที่
https://www.facebook.com/pattynutriteat
ที่มาและภาพ : ctwant, Johnny McClung / Unsplash
