เมื่อวันที่ 5 ส.ค. พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผบ.ตร.เปิด “ โครงการฝึกอบรมประเมินสถานการณ์ในระดับผู้บริหารชั้นต้นหน้างานป้องกันปราบปราม กองบัญชาการตำรวจนครบาล” ซึ่งมีการฝึกทบทวนยุทธวิธีและการประเมินสถานการณ์แก่ยายตำรวจ ระดับรองผู้กับการป้องกันปราบปราม และสารวัตรป้องกันปราบปราม ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล รุ่นที่ 1 จำนวน 49 นาย จากทั้งหมด 245 นาย แบ่งกันฝึกทบทวนออกเป็น 5 รุ่น โดยมีพล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ชนินทร์ โกพัฒน์ตา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ.พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.น.8
พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ ตลอดจนข้าราชการตำรวจในระดับ รองผบก-สว.ในสังกัดบช.น.ให้การต้อนรับ

พล.ต.ต.ชนินทร์ กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมในกรุงเทพมหานคร มีความสลับซับซ้อนตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป การก่อเหตุของคนร้ายจึงมีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ยากต่อการปฎิบัติงานของตำรวจ ในการเข้าเผชิญเหตุ ระงับเหตุ และจับกุมคนร้าย ที่มีทั้งวิกลจริต และคุ้มคลั่ง ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญเสียทั้งคนร้ายและตำรวจผู้ปฏิบัติ ตำรวจระดับรองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม และสารวัตรป้องกันปราบปราม ถือเป็นผู้บริหารเหตุการณ์ขั้นต้นหากเกิดเหตุการณ์ที่ต้องใช้กำลังตำรวจเข้าระงับเหตุ จึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจ และได้รับการฝึกทบทวนยุทธวิธีอย่างสม่ำเสมอ ให้มีความพร้อมสามารถประเมินแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างเป็นระบบ ภายใต้สถานการณ์ที่มีความกดดันสูง ให้สอดคล้องกับหลักกฏหมาย และให้เป็นแบบอย่าง และนำกลับไปถ่ายทอดให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาในการเข้าระงับเหตุได้อย่างถูกต้อง โดยมีการจำลองเหตุการณ์ฝึก มีคณะวิทยากร และตำรวจจากกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 เป็นผู้ถ่ายทอดอบรมให้ความรู้

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า เนื่องจากที่ผ่านมายังมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ทำให้ต้องสูญเสียตำรวจจากการเข้าระงับเหตุ ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาจึงเห็นควรให้มีการฝึกทบทวนยุทธวิธีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมุ่งเน้นเรื่องการประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าระงับเหตุ เพื่อให้การปฎิบัติหน้าที่มีประสิทธิภาพ และไม่ให้เกิดความสูญเสีย เพราะการประเมินสถานการณ์ หากตัดสินใจผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้สถานการณ์บานปลาย สิ่งที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียนที่ต้องนำไปทบทวนแก้ไข และต้องอยู่ในหลักกฎหมาย

ส่วนเสียงสะท้อนของประชาชนที่บอกว่า การเข้าระงับเหตุในบางครั้งตำรวจทำงานล่าช้า ไม่เด็ดขาด ตำรวจในต่างประเทศ ทำให้ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่หน้างานต้องสุ่มเสี่ยงต่ออันตราย พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ บอกว่า เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์มีความแตกต่างกัน บางเหตุการณ์สามารถเข้าระงับเหตุได้ทันที แต่ก็มีบางเหตุการณ์ ที่มีหลักวิธีปฏิบัติตามขั้นตอน จึงต้องใช้เวลาพอสมควร กว่าจะเข้าระงับเหตุได้ อย่างไรก็ตาม ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นหลักอยู่แล้ว เช่นการสนับสนุนอุปกรณ์จำเป็นให้แก่ตำรวจ จึงประสานให้สำนักงานส่งกำลังบำรุง ทำข้อมูล ทำแผน จัดเตรียมเสื้อเกราะ และอุปกรณ์ประจำกายที่จำเป็นเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ผู้ปฏิบัติ สิ่งที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียนที่ต้องนำไปทบทวนแก้ไข และต้องอยู่ในหลักกฎหมาย