เมื่อวันที่ 5 ส.ค. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี พร้อม พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. พ.ต.ต.ศิษฏพงศ์ สิริวัฒน์ สว.กก.1 บก.ปคบ. เข้าจับกุม “ร้านเหลือง” ร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าที่แพร่ระบาดอยู่ข้างโรงเรียนดังใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง ตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หัวบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมน้ำยา อะไหล่แท็งก์บุหรี่ไฟฟ้า จำนวนมาก มูลค่านับแสนบาท ภายหลังพ่อแม่ผู้ปกครองร้องเรียนมูลนิธิปวีณาฯ ลูกหลานตกเป็นเหยื่อบุหรี่ไฟฟ้าที่ขายตรงถึงข้างโรงเรียน เด็กๆ เดินเข้าออกเป็นประจำเหมือนร้านสะดวกซื้อ

ทั้งสืบเนื่องจากมีผู้ปกครอง ซึ่งเป็นป้าและตาของเด็กชายชั้น ม.1 โรงเรียนพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่า หลานชายอายุ 12 ขวบ เป็นเรียนชั้น ม.1 เข้าเรียนที่โรงเรียนนี้มาได้ 2 เดือน โดยทีแรกทางบ้านเห็นเงินในแอปธนาคารที่มีอยู่ 16,000 บาทของน้อง หายไป 6,000 บาท พอถามไปมาจึงทราบว่าน้องถูกเพื่อนและรุ่นพี่ชักชวนให้ซื้อบุหรี่ไฟฟ้าและซื้อแจกเพื่อนๆ จนเงินหมด หลานไม่กล้าขัดขืนเพราะเป็นเด็กใหม่ ป้าจึงมาปรึกษามูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ช่วยดำเนินการกับพวกร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กนักเรียน 

นอกจากนี้ หลานยังบอกอีกว่า ในโรงเรียน เด็กกลุ่มที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าจะไปรวมตัวแอบสูบกันที่บริเวณดาดฟ้าอาคารเรียน และตามห้องน้ำของโรงเรียน โดยอาศัยจังหวะช่วงเปลี่ยนคาบและเดินเรียน รุ่นพี่กับเพื่อนบางคนมาตีสนิทชักชวนขอให้ซื้อบุหรี่ไฟฟ้าให้สูบ ที่ผ่านมาครูก็มีการตรวจค้นกระเป๋านักเรียน เมื่อตรวจเจอบุหรี่ไฟฟ้าก็จะยึดและทำโทษ แต่เด็ก ๆ ก็ไปหาซื้อกันมาสูบใหม่ เพราะร้านอยู่ใกล้โรงเรียน ราคาอันละ 200-300 บาท ทั้งใช้ครั้งเดียวทิ้ง และแบบเติมน้ำยากลิ่นต่าง ๆ หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ เด็กนักเรียนก็จะเสียอนาคตกันจำนวนมาก 

หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้ประสาน พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. กวาดล้างจับกุมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าข้างโรงเรียนดัง โดย พล.ต.ต.วิทยา ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. พ.ต.ต.ศิษฏพงศ์ สิริวัฒน์ สว.กก.1 บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่ ตร.ปคบ. มาประชุมร่วมกับ นางปวีณา และผู้ปกครองของเด็กนักเรียน เพื่อรับทราบข้อมูลที่มูลนิธิปวีณาฯ ก่อนติดตามจับกุมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว

โดย นางปวีณา กล่าวว่า ขอบคุณ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. ที่นำกำลังมาทำการจับกุมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะถือว่าเป็นปัญหาใหญ่อย่างยิ่งที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในกลุ่มเด็กนักเรียนและเยาวชน ซึ่งพิษภัยโทษของมันร้ายแรง มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบร่างกาย ประสาท และสมองเด็กๆ ซึ่งกรณีนี้ร้านค้าบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ใกล้กับโรงเรียนเพียง 200 เมตรเท่านั้น ซึ่งปล่อยไว้ไม่ได้ ฝากรัฐบาลให้มีนโยบายเข้ามากวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจังให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว 

นอกจากนี้ เด็กนักเรียนยังได้ให้ข้อมูลกับมูลนิธิปวีณาฯ เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า อีกว่า นอกจากเด็กในโรงเรียนนี้แล้ว ยังมีเด็กจากโรงเรียนใกล้เคียงอีกหลายแห่งที่มาซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากร้านนี้ และร้านนี้เองก็มีเครือข่ายที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวอีกหลายร้าน ซึ่ง นางปวีณา จะได้ประสานข้อมูลกับ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และ ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เพื่อให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับทราบข้อมูล เพื่อหามาตรการในการป้องกันและช่วยเหลือเด็กนักเรียนต่อไป

สำหรับการดำเนินคดีกับ “ร้านเหลือง” เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 24/2567 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” ดังนั้น ผู้ใดขายหรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาเติม มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562” และ “ครอบครองหรือรับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า อันเป็นสินค้าห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรจะมีความผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง ของ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560” มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.