เมื่อวันที่ 5 ส.ค. นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 3 ส.ค.-4 ส.ค. 67 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี มีฝนตกหนักในปริมาณค่อนข้างมาก โดยตั้งแต่เวลา 19.45 น. ของวันที่ 3 ส.ค. 67 เรดาร์ตรวจพบฝนเล็กน้อยถึงปานกลางปกคลุม จ.นครปฐม จ.ราชบุรี เคลื่อนตัวทิศตะวันออก เข้าปกคลุมพื้นที่เขตทวีวัฒนา หนองแขม ต่อมากลุ่มฝนขยายตัวปกคลุมพื้นที่ฝั่งธนบุรีทั้งหมด ฝั่งพระนครทั้งหมด และหยุดตก เมื่อ 03.20 น. ของวันที่ 4 ส.ค. 67

จากเหตุการณ์ฝนตกดังกล่าวได้ตรวจวัดปริมาณฝนตามจุดต่าง ๆ พบปริมาณฝนสูงสุดที่สถานีคลองดาวคะนอง เขตธนบุรี 79.5 มิลลิเมตร รองลงมาที่สถานีคลองบางจาก เขตบางแค 72 มิลลิเมตร สำนักงานเขตภาษีเจริญ 72 มิลลิเมตร สำนักงานเขตทวีวัฒนา 67 มิลลิเมตร และ สถานีคลองสี่บาท เขตจอมทอง 62 มิลลิเมตร ตามลำดับ ซึ่งจะพบว่าภาพรวมเชิงพื้นที่ฝนในคืนนั้นในพื้นที่ฝั่งธนบุรีล้วนเกิน 60 มิลลิเมตรที่ลักษณะทางกายภาพจะรองรับการระบายน้ำได้ทัน ทำให้หลายพื้นที่เจอปัญหาน้ำท่วมขัง

โดยมีรายงานน้ำท่วมขังในถนนสายหลัก จำนวน 4 รายการ คือ ถนนเอกชัย ถนนเพชรเกษม หมู่บ้านเศรษฐกิจ และซอยเพชรเกษม 63 นอกจากนี้ยังได้รับรายงานว่า มีกระแสไฟฟ้าดับที่กระทบต่อสถานีสูบน้ำหรือประตูระบายน้ำ จำนวน 1 รายการ คือ สถานีสูบน้ำข้างธนาคารนครหลวงไทย เขตธนบุรี ไฟฟ้าดับ เวลา 20.40–20.50 น.

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ดังกล่าวพบว่ามีการเร่งสูบระบายน้ำออกไปได้อย่างรวดเร็วโดยสถานีสูบน้ำคลองพระยาราชมนตรี ซึ่งได้พร่องน้ำรอรับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า ด้วยการพร่องระดับน้ำก่อนฝนตก รักษาระดับน้ำไว้ -1.08 ม.รทก. ซึ่งพอฝนตกลงมาระดับทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นมา -0.84 ม.รทก. (น้ำขึ้นมา 20 เซนติเมตร) และสามารถเร่งสูบออกได้ภายใน 30 นาที ซึ่งระดับน้ำก็อยู่ในระดับควบคุมที่ -1.10 ม.รทก.

ส่วนบริเวณถนนเพชรเกษมนั้น แม้เกิดเหตุเครื่องสูบน้ำมีปัญหา เจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำได้เร่งเข้าแก้ไขพร้อมกับนำรถสูบน้ำเคลื่อนที่ (รถ Mobile Unit) เข้าสนับสนุนเร่งช่วยสูบน้ำด้วย ทำให้สามารถระบายน้ำได้รวดเร็วและสามารถบรรเทาความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถาม-แจ้งเหตุ-ขอความช่วยเหลือ หรือแจ้งปัญหาน้ำท่วมได้ที่ ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร โทร. 02-248-5115 (ตลอด 24 ชั่วโมง) ศูนย์เรื่องราวร้องทุกข์ สายด่วน กทม. โทร. 1555 และ Traffy Fondue ของ กทม. โดยพิมพ์รายละเอียดของปัญหาที่ต้องการแจ้ง พร้อมระบุข้อมูลเบื้องต้น เช่น ภาพถ่าย วันเวลา ตำแหน่งที่ตั้งบนแผนที่ จากนั้นระบบ AI จะวิเคราะห์ข้อมูลและส่งปัญหาไปยังผู้รับผิดชอบในพื้นที่โดยตรง

นอกจากนี้ระบบจะทำการดึงข้อมูลจากผู้ใช้ที่แจ้งสถานการณ์น้ำท่วมมาภายในรัศมี 500 เมตร ในเวลา 6 ชั่วโมงก่อนหน้านั้นมาแสดงผล เพื่อนำข้อมูลมาวางแผนการเดินทางล่วงหน้าก่อนออกจากสถานที่ต่าง ๆ และทันต่อสถานการณ์ ซึ่งนอกจากผู้ใช้จะแจ้งปัญหาหรือสถานการณ์น้ำท่วมต่อเจ้าหน้าที่แล้ว ยังเป็นการช่วยเตือนคนอื่นได้อีกด้วย.