สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่า จีนประกาศมาตรการกระตุ้นการบริโภคในครัวเรือน ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ โดยพุ่งเป้าไปยังภาคส่วนต่าง ๆ เช่น การดูแลเด็กและผู้สูงอายุ และอาหารและเครื่องดื่ม

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ให้คำมั่นเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ว่าจะดำเนินมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และบรรเทาแรงกดดันต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่กำลังประสบปัญหา โดยคณะรัฐมนตรีได้เผยแพร่คำสั่ง 20 ฉบับผ่านเว็บไซต์ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแผนงานทั่วไปสำหรับกระทรวงต่าง ๆ และหน่วยงานระดับท้องถิ่น หลังจากเศรษฐกิจจีน เริ่มฟื้นตัวจากการยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เมื่อช่วงปลายปี 2565

อย่างไรก็ดี แผนการดังกล่าวซึ่งไม่มีข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ ได้เรียกร้องให้หน่วยงานต่าง ๆ เพิ่มบริการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีศักยภาพ ต่อการเติบโตในประเทศซึ่งมีประชากรสูงอายุ และเรียกร้องให้พัฒนาบริการดูแลเด็ก เนื่องจากคนหนุ่มสาวเลือกที่มีลูกน้อยลง เพราะค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาที่สูง และปราศจากสวัสดิการทางสังคม และยังระบุถึงแผนลดหย่อนภาษีเงินได้ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ และผู้สูงอายุ

นอกจากนั้น รัฐบาลได้ให้คำมั่นว่า ธุรกิจภาคบริการขนาดเล็กที่เข้าเงื่อนไขจะได้รับประโยชน์ จากการสนับสนุนทางการเงินที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากธนาคาร ขณะเดียวกัน แผนดังกล่าวเรียกร้องให้มีการจัดเทศกาลอาหารมากขั้น รวมไปถึงการส่งเสริมสตรีทฟู้ด ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คนท้องถิ่น และให้การสนับสนุนบริษัทต่างชาติรายใหญ่ ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเข้ามาเปิดสาขาแรกในจีน

จีนตั้งเป้าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไว้ที่ร้อยละ 5 ในปี 2567 แต่การเติบโตของจีดีพีเมื่อไตรมาสที่สองซึ่งเพิ่งผ่านพ้นไป กลับชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วเหลือเพียงร้อยละ 4.7 เมื่อเทียบเป็นรายปี การเติบโตได้รับผลกระทบจากวิกฤติหนี้ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 4 ของจีดีพีจีน.

เครดิตภาพ : AFP