นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง 9 หน่วยงาน และ 7 สหกรณ์ในสังกัด ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย จัดโครงการรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน โดยนำร่องช่วยเหลือข้าราชการกลุ่มเปราะบาง ที่มีภาระหนี้สูง เงินเดือนถูกหักเงินไปใช้หนี้จนเกือบหมด  เหลือใช้ในแต่ละเดือนไม่ถึง 30% ให้สามารถลดภาระทางการเงินได้ โดยจะเปิดโอกาสให้มัดรวมหนี้ทุกประเภทมาไว้ที่ธนาคารกรุงไทย เพื่อรับดอกเบี้ยต่ำคงที่ตลอดสัญญา และขยายเวลาผ่อนชำระสูงสุดถึงอายุ 80 ปี  มีเงินเหลือใช้เกิน 30% ของรายได้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ ไม่ให้ต้องไปกู้เพิ่มที่อื่น และอยู่ในวงจรหนี้ไม่จบไม่สิ้น 

ปัจจุบัน กระทรวงการคลัง มีข้าราชการในสังกัด 36,000 คน ซึ่งปัญหาของข้าราชการกลุ่มเปราะบาง คือ มีเจ้าหนี้มากกว่า 1 ราย ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ และใช้จ่ายในชีวิตประจำ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะเปิดให้ข้าราชการคลัง สามารถรวมหนี้ทุกประเภทมาไว้ที่ธนาคารกรุงไทยที่เดียว โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ตลอดอายุสัญญา  และผ่อนชำระยาวขึ้น

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นโครงการที่รวมหนี้รายย่อยทุกประเภท ทั้งสินเชื่อบุคคล บัตรเครดิต และสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ จากทั้งธนาคารกรุงไทยและสถาบันการเงินอื่นๆ มารวมไว้ที่ธนาคารกรุงไทย โดยกรุงไทยได้เตรียมสินเชื่อสำหรับโครงการนี้ 5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะช่วยเหลือบรรเทาภาระหนี้ให้กับข้าราชการได้ 5 หมื่นคน โดยมี 2 รูปแบบ

1. สินเชื่อแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อบ้านแลกเงิน (พร้อมขอกู้เพิ่ม) ดอกเบี้ยต่ำคงที่ 3.50% ต่อปี 3 ปีแรก หลังจากนั้น อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.75% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา โดยคิดดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา 4.49% ต่อปี  คำนวณจากวงเงินกู้ 1 ล้านบาท อายุสัญญาสูงสุด 40 ปี ผ่อนชำระ 4,700 บาทต่อเดือน พร้อมได้รับยกเว้นค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ประกัน  และ 2.สินเชื่อแบบไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ยคงที่ 6.75% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา เงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ปัจจุบันมีข้าราชการอยู่ในระบบ 3 ล้านคน มีสัดส่วนหนี้ 3 ล้านล้านบาท ฉะนั้น คลังจึงได้นำร่องแก้ไขหนี้ข้าราชการในของคลังก่อน และหากผลตอบรับดีจะขยายออกไปเพิ่ม ขณะเดียวกัน คลังเตรียมหารือเครดิตบูโร และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหาแนวทางผ่อนปรนการติดเครดิตบูโรให้ประชาชนกลับมาเข้าถึงระบบสินเชื่อง่ายขึ้น ทั้งการจัดกลุ่มการติดเครดิตบูโร รวมทั้งการลดระยะเวลาการติดแบล็กลิสต์ให้เหลือสั้นลง

“ปัจจุบันคนผิดนัดชำระหนี้ 1 ครั้ง จะมีประวัติติดเครดิตบูโรนาน 36 เดือน ฉะนั้น จึงมองว่าควรจะแบ่งประเภทหรือไม่ เช่น คนผิดนัดชำระหนี้ประจำเป็นกลุ่มหนึ่ง หรือบางคนทำพลาดเพียงครั้งเดียวก็ไปอยู่อีกกลุ่ม เพื่อให้คนที่ใช้ข้อมูลเห็นว่าแต่ละกลุ่มความเสี่ยงอาจจะไม่เหมือนกัน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ด้วย”