เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กัน จอมพลัง พาผู้เสียหายหญิงพร้อมครอบครัวที่เป็นเด็กและผู้หญิง เข้ายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือกับ ตร. กรณีถูกชายข้างบ้านแอบปีนระเบียงบ้าน จนตกใจ จึงไปลงประจำวันไว้ที่ สภ.บางบัวทอง ก่อนทราบว่าชายข้างบ้านเป็นตำรวจยศ “พ.ต.ท.” จึงติดกล้องวงจรปิด เห็นลูกชายของตำรวจปีนระเบียงมาที่บ้านอีก จึงพานิติหมู่บ้านไปคุยด้วยดีๆ กลับถูกขู่ฆ่าทั้งครอบครัว ในบ้านมีผู้หญิงและเด็ก รวม 7 คน จึงต้องพากันหนีออกไปอาศัยอยู่กับญาติที่อื่น ไม่กล้ากลับเข้าไป จึงมาขอให้ “กัน จอมพลัง” ช่วยพาน้องกลับไปบ้าน

โดย กัน จอมพลัง กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายมาร้องขอความช่วยเหลือ โดยมากันทั้งครอบครัว เพราะมีเพื่อนบ้านเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่กันมานานแล้ว แรกๆ พูดจาดีไม่มีปัญหาอะไรกัน แต่ต่อมาพบว่าเริ่มมีความผิดปกติ เหมือนมีคนปีนเข้ามาในบ้านตอนกลางคืน จึงเอะใจว่าใช่หรือไม่ จึงได้ไปสอบถาม พอถามก็มีท่าทีโวยวายและอ้างว่าตนเองมีศักดิ์ศรีทั้งที่แค่ถามเท่านั้น จึงบอกว่าขอโทษ จากนั้นจึงได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด จึงเห็นว่าลูกชายของนายตำรวจปีนเข้ามาบ้าน และอยู่ตรงระเบียงพยายามด้อมๆ มองๆ จึงรู้สึกกลัว เพราะในบ้านมีแต่ผู้หญิงกับเด็ก จึงห่วงเรื่องความปลอดภัย จึงได้ไปถามนายตำรวจเจ้าของบ้านอีกว่าลูกชายปีนเข้ามาในบ้าน แทนที่จะขอโทษ แต่กลับมีอารมณ์และโวยวายใส่ ทำตัวยิ่งใหญ่กว่าเดิม

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ IMG_5894-1280x853.jpg

ทั้งที่มีเพื่อนบ้านเป็นตำรวจ น่าจะพึ่งพาอาศัยได้ แต่กลับมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตำรวจที่เป็นเพื่อนบ้านอยู่ได้ แต่ประชาชนที่มีครอบครัวเด็กเล็กและผู้หญิงอยู่บ้านไม่ได้ ทำแบบนี้ภาพลักษณ์องค์กรตำรวจเสียหาย อีกทั้งได้ข้อมูลว่าลูกชายอาจจะมีอาการเป็นเด็กพิเศษ ซึ่งตนเห็นว่าหากนายตำรวจคนดังกล่าวเครียดจากงานการเลี้ยงลูก ต้องการให้ช่วยก็บอก แต่อย่ามาระบายอารมณ์กับชาวบ้านที่เขาไม่รู้เรื่อง เพราะวันนี้ครอบครัวผู้เสียหายต้องการกลับไปอยู่บ้านแล้ว แต่ก็กลับไม่ได้ เพราะรู้สึกหวาดกลัว

ด้านผู้เสียหาย กล่าวว่า บ้านนายตำรวจอยู่กัน 3 คน คือ นายตำรวจ แฟนและลูกชาย และรู้จักกันมานาน เพราะตนเองอาศัยที่บ้านใกล้กันมานาน 6 ปีแล้ว ปกติจะคุยกับแฟนของตำรวจ วันที่เกิดเรื่อง ครั้งแรกตอนที่ยังไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด คนในบ้านเห็นว่ามีผู้ชายตัวสูงปีนเข้ามาในบ้าน จึงมั่นใจว่าไม่ใช่ลูกชาย ลักษณะพยายามจะเปิดกระจก ส่วนครั้งที่สองหลังจากที่ติดวงจรปิด ก็พบว่าเป็นลูกชาย จึงได้ประสานกับนิติบุคคลเข้ามาคุยและแจ้งกับนายตำรวจว่าลูกปีนมาในบ้าน แต่นายตำรวจคนดังกล่าว กลับโวยวายและบอกว่าจะอะไรกับลูกผม และบอกว่าลูกพิการ มีบัตรคนพิการ

ก่อนหน้านี้คนในบ้านเห็นว่าคนที่ปีนเป็นตำรวจ และยังเคยถามว่าปีนทำอะไร ก่อนจะหายเข้าไป ยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากันมาก่อนและอยู่บ้านติดกันมามานาน ที่ผ่านมาจะคุยกับแฟนของนายตำรวจเพราะอยู่บ้าน ส่วนตัวตำรวจไม่ค่อยได้คุยกัน ยอมรับว่ารู้สึกงงมาก ว่าทำไมอยู่ๆ ถึงมาปีนบ้าน ทั้งที่บ้านอยู่ใกล้ตำรวจ ก็คิดว่าจะปลอดภัย มาเจอเหตุการณ์นี้รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะมีการขู่ว่าจะยิงปืนผ่านกระจกด้วย ยิ่งทำให้กลัวมาก มีอยู่ครั้งหนึ่ง น้องชายมาที่บ้านและจอดรถหน้าบ้านก็ถามว่ามองอะไรกู น้องก็บอกว่าไม่ได้มองอะไรและขออย่ามาทำแบบนี้ อย่ามาทำเก่งกับประชาชน ก่อนที่ตอนเช้าจะเดินมาหาเรื่องแม่และคุยเสียงดัง พอตอนเย็นน้องชายมาอีกก็ยังมาหาเรื่อง

ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า หลังจากนี้หากจะซื้อบ้านอีก จะไม่ซื้อทาวน์โฮมแล้ว แต่คงจะซื้อบ้านเดี่ยวไปเลย เพราะเข็ดและกลัวกับเพื่อนบ้านที่แม้จะเป็นตำรวจ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ในเวลา 14.00 น. ที่ สภ.เมืองนนทบุรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี จะเชิญฝ่ายคู่กรณีมาพูดคุยด้วยว่าเกิดปัญหาอะไร และจะหยุดได้หรือไม่ เพื่อหาข้อยุติดังกล่าว.