สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลออสเตรเลีย ถือเป็นการเปลี่ยนกลับระดับภัยคุกคามจากการก่อการร้าย ที่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน

แหล่งข่าวกรองหลายแห่งระบุว่า การตัดสินใจเพิ่มระดับภัยคุกคาม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากปัญหาหรืออุดมการณ์ประการใดประการหนึ่ง แต่ชี้ให้เห็นถึงการแบ่งขั้วที่เพิ่มขึ้นโดยรวม ในออสเตรเลียและประเทศตะวันตกอื่น ๆ อีกทั้งความสามัคคีในสังคมยังตกอยู่ภายใต้ความตึงเครียด และความไม่พอใจในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ก็เพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส

“ผมอยากทำให้ชาวออสเตรเลียวางใจว่า ระดับน่าจะเกิดขึ้น ไม่ได้หมายความว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมันไม่ใช่ข่าวกรองเกี่ยวกับภัยคุกคามหรืออันตรายที่ใกล้จะเกิดขึ้น แต่เราได้รับคำแนะนำว่า ชาวออสเตรเลียจำนวนมาก ยอมรับอุดมการณ์สุดโต่งที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งมันเป็นความรับผิดชอบของเรา ที่จะต้องเฝ้าระวัง” อัลบาเนซี กล่าว

ทั้งนี้ ระดับภัยคุกคามจากการก่อการร้ายของออสเตรเลีย แบ่งออกเป็น 5 ระดับ จากต่ำสุดไปสูงสุด ได้แก่ “ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น”, “เป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้น”, “น่าจะเกิดขึ้น”, “คาดว่าจะเกิดขึ้น” และ “เกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

สำหรับระดับน่าจะเกิดขึ้น หมายความว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของออสเตรเลีย เชื่อว่ามีโอกาสมากกว่า 50% ที่จะเกิดการโจมตีภาคพื้นดิน หรือมีแผนการโจมตีในอีก 12 เดือนข้างหน้า

ด้านนายไมค์ เบอร์เกสส์ หัวหน้าองค์กรความปลอดภัยข่าวกรองออสเตรเลีย (เอเอสไอโอ) กล่าวว่า ชาวออสเตรเลียควรตระหนัก แต่ไม่ต้องกลัว และเอเอสไอโอไม่เชื่อว่า แผนก่อการร้ายใด ๆ ที่องค์กรสืบสวนในช่วงที่ผ่านมา ได้รับแรงกระตุ้นจากความขัดแย้งในฉนวนกาซา.

เครดิตภาพ : AFP