ถูกยกเป็นอีกหนึ่งคู่รักของคนในวงการบันเทิงที่ผันตัวไปทำยูทูบส่วนตัวแล้วปังมาก คนชอบความเรียลและน่ารักของทั้งสองคนหนักมากสำหรับคู่ของสาวสวย เอมี่ กลิ่นประทุม และสามี ซี ศิวัฒน์ ที่ออกคอนเท็นต์อะไรมาก็ปังและถูกพูดถึงอยู่เสมอ โดยเฉพาะการแซวกันอำกันออกรายการที่ใครเห็นก็เอ็นดูหนักมาก จนกลายเป็นขวัญใจแฟนๆในโลกออนไลน์ไปอย่างไม่ต้องสงสัย ล่าสุดเจอตัวทั้งสองคนในงาน UNVEILING ULTRACOL AT SLC จึงไม่พลาดต้องคว้าตัวมาสอบถามเรื่องนี้สักหน่อย

ซี เผยว่า “ที่เห็นคู่เราฮาๆ เราเป็นแบบนี้จริงๆครับ คือมันไม่ได้เป็นคอนเทนต์นะ เราไม่ได้หวาน ก็ตีกันแบบนี้แหละ ผมรู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนกันครับ เป็นสามีภรรยา เราเป็นเพื่อนสาวเขาก็ได้ แล้วก็เป็นอะไรก็ได้ เราก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว  ผมว่าทุกคนรู้จักเราสองคนจากรายการ จริงๅผมพูดกับภรรยาผมตลอดว่า อยู่วงการมา 20 ปี ยังไม่ดังเท่าตีกับเมียในยูทูปเลย ที่นางดูเมาๆผมว่านางจอย ผมว่าทุกคนก็มีความสุขกับนางไปด้วย เราก็รู้สึกเป็นครอบครัวด้วยกัน เราก็เลยมีความสุข(ยิ้ม) คนแซวคู่เราหวานก็คือตีกันจริงนะแต่ว่า5วิ10วิก็หายแล้วและก็ทำงานกันต่อได้ คือเราไม่เล่นเกมส์กัน ความหมายคือรู้สึกว่าไม่เสียเวลา คือโกรธกันผมว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าไม่รำคาญเมียหรือว่าเมียไม่รำคาญผัว คือก็รำคาญกันนี่แหละแต่ว่าเราไม่ได้ต้องการชนะไง มันแค่ความรู้สึก เราก็แค่ปลดปล่อยความรู้สึกกันออกมาทั้งคู่ รู้สึกว่าไม่ต้องมานั่งเล่นเกมส์ผู้แพ้ผู้ชนะมันเสียเวลาเราก็ไปต่อแค่นั้น เคล็ดลับชีวิตคู่ ผมว่าต้องดูคู่พาร์ทเนอร์ของคุณด้วยนะ ผมว่ามันสำคัญสุดๆ คือรู้จักพาร์ทเนอร์ของคุณให้ดี และอย่างที่มี่บอกกับแฟนการให้เกียรติกันคืออันดับ1เลย แล้วก็เราแค่ถามตัวเองว่า ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องแสดงอีโก้กันและกัน เพื่อเอาชนะคนที่เรารัก เพราะสุดท้ายคนที่เรารัก ถ้าเขาต้องนั่งเสียใจและร้องไห้อยู่ ผมว่าเขาก็เป็นคนที่เรารัก งั้นไม่ต้องไปแสดงอีโก้ว่า ความคิดฉันถูก ความคิดเธอผิด เถียงกันไปกันมามันไม่ได้มีประโยชน์ ไม่ได้ให้ประโยชน์ใครเลย”

“ผมว่าเราอย่าใช้ชีวิตคู่กันแบบคาดหวังครับ คือไม่ใช่ว่าไม่ได้หวังเลยซะทีเดียว แต่ว่าเราอย่าพยายามทำให้พาร์ทเนอร์เป็นแบบที่เราต้องการอย่างเดียว ผมว่ามันต้องคนละครึ่งทาง และเรียนรู้กันไป ผมว่าสิ่งที่มันสำคัญที่สุดคือการสื่อสาร คุยกันมันคืองานศิลปะที่ไม่ได้ยากแต่ก็ไม่ได้ง่าย คือเราต้องเรียนรู้คู่ของเรา เราก็เลือกที่จะสื่อสารกัน อย่างงานศิลปะที่ว่าคืออารมณ์ตอนนี้เขายังไม่พร้อม ก็ไม่ต้องพยายามไปแสดงอะไรให้มันแรงมากกว่าเดิม งั้นก็แยกกันไปซักพักนึงก็เดี๋ยวค่อยกลับมาให้ คือว่าเรา2คนก็ไม่ใช่กูรูการใช้ชีวิตคู่หรอกครับ ผมว่าทุกวันนี้ผมก็ยังเรียนรู้ซึ่งกันและกัน การสำคัญที่สุดคือการไม่อคติ เราไม่ได้คาดหวังเพื่อให้อีกคนนึงเปลี่ยนเพื่อเราและที่สำคัญที่สุดขีดเส้นใต้ไว้เลยว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ควรที่จะต้องจับมือกันไว้เสมอเหมือนตอนที่รักกัน อย่างการอำเขาออกรายการ ถามว่าโกรธกันไหม ตลอดเวลา(หัวเราะ)อย่างเรื่องดื่มเขาเรียกผมไปเข้าห้องเย็นไม่รู้กี่ครั้ง คือเขาจะเรียกผมเข้าไป เขาก็จะโกรธ ผมก็จะเข้าไปเหมือนเด็กทำผิดที่โดนเรียกเข้าห้องปกครอง แรกๆเราจะรู้สึกตื่นกลัว หลังๆเราจะเริ่มชินชา ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรแล้ว(ยิ้ม) มันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว”

ซี เล่าต่อว่า “แล้วที่คนแซวว่าคนชอบคู่เรามาก ขอบคุณจริงๆ ผมว่ามันเกิดจากความไม่ตั้งใจของเราสองคนเลยจริงๆ เราแค่รู้สึกว่าอยากให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าภรรยาเราเป็นคนแบบนี้แหละ ไม่งั้นไม่ไปอำผัวในรายการว่าผัวเป็นคนง่ายๆหรอก ไม่งั้นเราไม่อยู่ด้วยกันได้ขนาดนี้หรอก ผมก็อยากทำแค่นั้น และทุกคนก็ให้การสนับสนุนแล้วก็ต้อนรับเรามาตลอด เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีแฟนๆคอยสนับสนุนเราก็คงไม่มาถึงจุดนี้เลยต้องขอบคุณจริงๆครับ ส่วนผมเรื่องที่คุณเอมี่มาแฉเรื่องเป็นคนง่ายๆ ก็โดนทุกทีเหมือนกัน คือตั้งแต่ภรรยาผมบอกคลิปเป็นไวรัลนะ เวลาผมไปสั่งอะไรคือไม่มีสักร้าน ผมกล้าพูดได้เลยนะ ไม่มีสักร้านที่ผมเดินมาแล้วจะไม่ยิ้มใส่ผมว่า พี่ซีนี่ไม่สุกแล้วขอบก็ต้องกรอบใช่ไหมคะ คือไม่มีใครที่จะไม่อำผมเลยนะ ทุกร้านอำผมหมด ผมเดินไปเขาพูดว่า วันนี้เอากระเพราไม่หนังใช่ไหมคะ เดี๋ยวจัดให้ค่ะ คือจะต้องมีลูกนี้ตลอดแต่ผมแฮปปี้นะ ผมรู้สึกว่าเราก็คนธรรมดาเพียงแต่ว่าเราเป็นนักแสดงศิลปิน ทุกคนก็สามารถมาหยอกล้อเราได้ ผมว่าผมก็ดีใจ ไม่โกรธ ผมโกรธเมียผมแต่ผมไม่โกรธคนอื่น ก็แค่หยอกๆจริงๆไม่โกรธเลย มันก็เป็นเรื่องจริงครับ”

เอมี่ เผยว่า “คนชอบคู่เราคือมันอาจจะด้วยทุกวันนี้มีโซเชียลมากขึ้น เราก็มีรายการที่มันทำให้เห็นว่า จริงๆเราเป็นยังไง เมื่อก่อนอาจจะเจอเราทางละครหรือว่ารายการทางทีวี แต่พอมาเป็นรายการเรียลลิตี้ของเรา เราก็เป็นตัวของตัวเองมาก คนก็ได้เห็นมุมที่มี่เป็นแบบนี้มากขึ้น แล้วก็ด้วยแบบแต่งงานแล้วเริ่มอายุมากขึ้นก็เริ่มไม่ค่อยสนใจอะไร ก็เป็นตัวของตัวเอง เรื่องเคล็ดลับจริงๆเราก็ไม่รู้หรอก ทุกวันนี้เราก็เรียนรู้กันอยู่ มันก็ดูแบบเดย์บายเดย์สถานการณ์แล้ว ก็คือต้องให้เกียรติกันและกัน คือทุกวันนี้ก็เป็นแบบนี้ และก็อย่างที่เห็นมันก็ไม่ได้หวาน ตีกันหลังไมค์ก็มี แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นชีวิตคู่ที่เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แล้วก็เราก็ต้องหาทางที่ ถ้าเราเลือกที่จะอยู่กับคนนี้แล้ว เราก็ต้องหาวิธี ที่แบบว่าเราโกรธกันแล้วเรายังรักกันอยู่ เรื่องภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไป อย่างที่บอกมันเริ่มจากความเรียลของเราสองคนที่เราเป็นกันแบบนี้ แล้วมี่ว่ามันก็อาจจะไปโดนหลายๆคนที่คือดูคนอื่นเขาก็เป็นแบบนี้แต่บางคนก็ไม่ได้หยิบยกพูดขึ้นมา แล้วรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ไปไหนคนก็จะแบบว่า ดูแล้วทำให้เรามีรอยยิ้ม สร้างเสียงหัวเราะ เราก็รู้สึกว่า พอเหนื่อยจากที่ทำงานหรือบางทีไปเจออะไรมาแล้วเขาบอกว่ากลับมาดูเรา ได้ยิ้ม หัวเราะเพราะอีสองตัวนี้ ก็รู้สึกว่าโอเคทำให้ชีวิตคนอื่นได้มีความสุขในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างมี่เองตอนนี้ไปไหนคนก็ชวนดื่มเยอะ(หัวเราะ)แล้วบางทีมันกดดันที่คนชวนเราไปแล้วบางทีเราก็ไม่ได้อยากจะมาเต็ม คนก็จะแบบมารอพี่เอมี่นะ รอๆ แล้วคนชวนก็ค่อนข้างที่จะเยอะ ฉันไม่ได้ดื่มทุกวัน ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น (หัวเราะ) คนก็แบบอยากไปสนุกด้วยกัน”