เมื่อวันเสาร์ เป็นวันสุดเดือด หลังจาก “เมย์” รัชนก อินทนนท์ เสียท่า เกรกอเรีย ตุนจุง จาก อินโดนีเซีย 0-2 เกม จาก ปอร์ เดอ ลา ชาแปลล์ อารีนา บึ่งไปสตาดเดอฟรองซ์ สังเวียนที่ “ตราไก่” ฝรั่งเศส ได้แชมป์โลกสมัยแรกเมื่อปี 1998

“บิว” ภูริพล บุญสอน ลงวิ่ง 100 เมตรรอบแรก สับกระจาย 10.13 วินาที เข้ารอบรองชนะเลิศสำเร็จ โดยสถิตินี้ อยู่ลำดับที่ 25 จาก 27 คน

พ่อหนุ่มเท้าไฟเคยทำได้ดีสุด ตอนเอเชียนเกมส์ ที่หางโจว รอบรองฯ 10.06 วินาที เป็นสถิติประเทศไทยด้วย ส่วนสถิติ 10.02 วินาที ที่ทำไว้ในรอบชิงฯ ไม่รับรองสถิติ

อ้อ…เซียะ เจิ้ง เย่ ของจีน ที่ชนะ ภูริพล ได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์ ตกรอบแรก กับสถิติ 10.16 วินาที

ภูริพล หวังทำลายสถิติตัวเองให้ได้ และประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องของร่างกาย เจ้าบิว เล่าว่า ก่อนหน้านี้ เขาไปปรึกษานักโภชนาการ ได้รับคำแนะนำให้เสริมวิตามิน D ธาตุเหล็ก และอาหารที่ควรกินคือออส่วน กับตระกูลผัก ที่อาจฝืนใจหน่อย เพราะเป็นคนไม่ชอบกินผัก

ความเป็นอยู่ที่นี่ มาล่วงหน้าเกือบ 2 สัปดาห์ ที่นอนเตียงกระดาษแม้ปูฟูก แต่ก็แข็งๆ นอนแล้วตึงๆ หน่อย และไม่ถนัดกับอาหารแนวที่เจ้าภาพเตรียมไว้ให้นัก

เรื่องอาหาร ตรงนี้ไม่รู้ว่า สมาคมกีฬากรีฑาฯ มาดูแลแค่ไหน และได้รับอนุญาตแค่ไหน แต่ถ้าทำได้ก็น่าจะหาอาหารไทยที่ถูกโภชนาการให้นักกีฬากิน กรีฑาก็มาแค่ 2 คนเอง ไม่น่าเปลืองมาก

จากสตาดเดอฟรองซ์ นั่งรถไฟต่อไปไม่กี่สถานี สู่ อารีนา ปารีส นอร์ด (หรือสนามปารีสตอนเหนือ) ไปดูนักชกหญิงไทย 2 คนสุดท้าย ความหวังกู้หน้า กู้ศักดิ์ศรี ไม่ให้มวยเป็น “ทัวร์ศูนย์เหรียญ”

“หวาน” จุฑามาศ รักสัตย์ แพ้ไปก่อน เสียท่า วู่ หยู่ แชมป์โลกจากจีน วัย 29 ปี ตกรอบ 8 คนสุดท้าย และ จุฑามาศ วัย 31 ปี ยอมรับว่า ไม่มีอีกแล้ว “โอลิมปิกเกมส์”

จากนั้นรุ่น 66 กก.หญิง “บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง นักชกจากจังหวัดหนองคาย ขึ้นเวที ซึ่งความหวังทั้งหมดของทีมมวย อยู่ที่ตัวเธอ แต่เจอกระดูกชิ้นโต บูเซนาซ ซูร์เมเนลี แชมป์เก่าจากตุรกี

จันทร์แจ่ม ชกได้แจ่ม ได้แหล่มสุดๆ ไม่กลัวศักดิ์ศรี ฝีมือ เดินบด เดินสู้ จนครบ 3 ยก

เวลาระทึกขวัญประกาศคะแนน ขอบเวที วิจารณ์ พลฤทธิ์ ที่ตอนนี้เป็น พันตำรวจโท และเป็นเฮดโค้ช พร้อมกับ “เอ็ม” ภาคภูมิ แจ้งโพธิ์นาค นักชกรุ่นเดียวกัน ยืนลุ้นเกาะเชือก แบบระทึก

ระหว่างทอดเวลารอประกาศผล ซึ่งค่อนข้างนาน ร.ต.สุฤทธิ์ ยิ่งกำแหง โค้ชทีมชาย ที่มานั่งข้างสนาม ไม่รู้ว่าจับสัญญาณมาจากไหน พูดก่อนเลยว่า “ชนะๆ เราชนะ”

พอประกาศ “บลูคอนเนอร์” นอกจาก จันทร์แจ่ม ที่สไลด์เข่าแล้ว วิจารณ์ กับ ภาคภูมิ กระโดดกอดกันไม่กลัวตกเวที

วิจารณ์ กลายเป็นคนแรก ที่เป็นนักชกฮีโร่โอลิมปิก (เหรียญทอง ซิดนีย์ 2000) แล้วมาโค้ชนักมวยได้เหรียญโอลิมปิกบ้าง

จันทร์แจ่ม จะไปเจอ อิมาน เคลิฟ นักชกแอลจีเรียที่เป็นประเด็นดราม่า เรื่องความเสมือนชาย

บี กับ เคลิฟ เคยเจอมาแล้วในชิงแชมป์โลก ตอนนั้น บีเสียท่า แต่เคลิฟโดนปรับแพ้จากเรื่องตรวจฮอร์โมนนี่แหละ

รอบ 8 คน เคลิฟ เอาชนะ ลูกา แอนนา จากฮังการี 5-0 เสียง หลังชกเธอทำสิ่งที่เคยทำ คือกดเชือกให้คู่แข่งออกจากเวที เป็นการส่งให้เกียรติ

แต่ที่ต่างจากไฟต์ก่อนๆ คือ วันนี้เธอร้องไห้ออกมาอย่างหนักบนเวที ด้วยความอัดอั้นตันใจกับกระแสกดดันจากทั่วโลก

03 August 2024, France, Paris: Olympia, Paris 2024, Boxing, Amateurs, Women, Quarterfinals, Welterweight (up to 66kg), Arena Paris Nord, Imane Khelif (l) from Algeria reacts after her fight against Luca Anna Hamori from Hungary (not pictured). Photo: Sina Schuldt/dpa (Photo by Sina Schuldt/picture alliance via Getty Images)

อย่างที่รู้กัน ประเด็นของ เคลิฟ โด่งดังมาก และดึงคนดู ดึงสื่อมวลชนแห่กันมาที่ อารีนา ปารีส นอร์ด จนล้นอัฒจันทร์ ชนิดยัดไม่ลง สื่อหลายคนไม่มีที่จะนั่ง

แน่นอนว่า คาดกันว่า บูเซนาซ ซูร์เมเนลี แชมป์เก่าจากตุรกี จะไปชนกับ เคลิฟ เป็นบิ๊กแมตช์ และเอาตรงๆ ก็มองกันว่า เคลิฟ จะแพ้ใคร(ไหม)

แต่เมื่อแชมป์เก่า เสร็จ จันทร์แจ่ม โลกเลยจับจ้องมาที่ เจ้าบี แทน หลังชก สื่อมวลชนทั่วโลกรุมสัมภาษณ์จำนวนมาก

แต่ไม่ว่า เจ้าบี จะพูดกับสื่อไทย หรือสื่อนอก ก็พูดเหมือนกัน และเป็นประโยคที่ดีมาก

“ฉันไม่กลัว…2 หมัด 2 มือเท่ากัน”

ไม่รู้หรอกว่า เคลิฟ ควรได้รับอนุญาตให้ชกหรือไม่

รู้แต่ว่า “สู้ตาย ไม่หวั่น”

วันที่ 6 ส.ค.หรือเวลาไทยเช้ามืด 7 ส.ค.เจอกัน

ไฟต์นี้ไม่ใช่แค่คนไทยสนใจ แต่ทั่วโลกก็สนใจ

ถือเป็นไฟต์หยุดโลก…ก็ไม่ผิดนัก.

*** วุฒินล ***