ศูนย์วิจัยกสิกรไทย และ บล.กสิกรไทย รายงานดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมาและแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้า โดยหุ้นไทยขยับขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ มีปัจจัยหนุนหลักๆ จากความหวังเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในช่วงเดือนก.ย. การปรับเกณฑ์ของกองทุน TESG ซึ่งถูกคาดหมายว่า จะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นไทย

รวมถึงแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและพลังงาน หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และบริษัทด้านพลังงานรายใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นต่อหลังเสร็จสิ้นการประชุมเฟด ซึ่งแม้เฟดมีมติคงดอกเบี้ย แต่ก็ได้ส่งสัญญาณสะท้อนว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ตามตลาดคาดการณ์

อย่างไรก็ดีหุ้นไทยลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ ตามภาพรวมหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลงจากความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่การย่อตัวลงของหุ้นไทยถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับหุ้นภูมิภาคและยังคงยืนอยู่เหนือแนว 1,300 จุดได้ต่อเนื่อง

ในวันศุกร์ที่ 2 ส.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,313.08 จุด เพิ่มขึ้น 0.45% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 39,969.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.73% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.71% มาปิดที่ระดับ 322.56 จุด

สัปดาห์ถัดไป (5-9 ส.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,300 และ 1,290 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,325 และ 1,335 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ค. ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ประเด็นการเมืองในประเทศ ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบจ.ไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลนำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย. ดัชนี ISM และ PMI ภาคบริการเดือนก.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ค. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ ดัชนีราคาผู้ผลิตและยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ค.ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค และตัวเลขการส่งออก