เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา ที่ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับ China Media Group หรือ CMG ได้จัดการเสวนาในชุด “โอกาสของโลกจากการปฏิรูปอย่างลึกของจีนในยุคใหม่” ในหลักสูตร “ผู้บริหารธุรกิจไทย-จีน” หรือ “บทจ.รุ่นที่ 1” ซึ่งเป็นหลักสูตรที่จัดโดย “สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน” ภายใต้ความร่วมมือจากหอการค้าไทย-จีน และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โดยมีรายการจับจ้องมองจีน และ China Media Group เป็นผู้ร่วมสนับสนุนหลักโดย โดยได้เชิญ นางสาวณัฐิยา สุจินดา รองอธิบดี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้เกียรติเป็นผู้บรรยายในหัวข้อ โอกาสการลงทุนไทย-จีน ทั้งในด้านการนำเข้า ส่งออกระหว่างสองประเทศ
ทางสมาคมฯ ได้เปิดคลิปวิดีโอจาก นายเซิ่น ไห่สง ผู้อำนวยการสถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน หรือ China Media Group ซึ่งมีข้อความสำคัญตอนหนึ่งว่า การประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 ครั้งที่ 3 ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งได้รับความสนใจจากทั่วโลกเพิ่งเสร็จสิ้นลงด้วยความสำเร็จ นับเป็นอีกป้ายบอกระยะทางของจีนในยุคใหม่ โอกาสนี้ ความทันสมัยแบบจีน ซึ่งเป็นธีมในการปฏิรูปทุกด้านของจีนให้ลึกอีกระดับนั้น จะยังคงส่งเสริมให้การปฏิรูปและการเปิดกว้างมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และการปฏิรูปและการเปิดกว้างก็ย่อมจะบุกเบิกอนาคตอันกว้างไกล ด้วยการยืนหยัดความเป็นผู้นำในทุกด้านของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ยืนหยัดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยืนหยัดความถูกต้องและการสร้างนวัตกรรม ยืนหยัดสร้างสรรค์ระบบเป็นแนวทางหลัก ยืนหยัดปกครองประเทศตามกฎหมายอย่างครอบคลุม และยืนหยัดแนวคิดเชิงระบบ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญสำหรับการปฏิรูปทุกด้านให้ลึกอีกระดับ”
นายเซิ่น ไห่สง กล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ชี้ให้เห็นว่า “การปฏิรูปและการเปิดประเทศ ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติครั้งที่สองของจีน ไม่เพียงแต่ได้เปลี่ยนแปลงจีนอย่างลึกซึ้งเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อทั่วโลกด้วย!” การปฏิรูปทุกด้านอย่างลึกอีกระดับของจีนในยุคใหม่นั้น นับเป็นมาตรการสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนภารกิจอันยิ่งใหญ่แห่งการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองแห่งชาติและการสร้างสรรค์ประเทศให้เข็มแข็งในทุกด้านด้วยความทันสมัยแบบจีน ซึ่งย่อมจะเป็นแรงผลักดันใหม่ให้กับมนุษยชาติในการแสวงหาหนทางสู่ความทันสมัยและระบบสังคมที่ดียิ่งขึ้นด้วย ตลอดจนจะเสนอโอกาสใหม่และอัดฉีดพลังขับเคลื่อนใหม่ให้กับการพัฒนาของประเทศต่างๆ ทั่วโลก เมื่อเผชิญกับโลกที่วุ่นวายในปัจจุบัน เผชิญกับการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรอบใหม่และการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมที่นำมาทั้งโอกาสและความท้าทาย จีนได้วางการปฏิรูปไว้ในตำแหน่งที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้น ย่างก้าวของการปฏิรูปจะไม่หยุดนิ่ง และจะไม่ก่อ “การแยกออกจากกันและการตัดขาดห่วงโซ่” หรือ “ลานเล็กกำแพงสูง” อย่างเด็ดขาด จีนจะหลอมรวมอย่างลึกซึ้งและร่วมชะตากรรมกับทั่วโลกโดยตลอด และจะใช้ความพยายามร่วมกับนานาประเทศเพื่อภารกิจสร้างอนาคตอันรุ่งโรจน์แก่ความทันสมัยแห่งมนุษยชาติ”
ดร.กำพล มหานุกูล นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ได้กล่าวเปิดงานความว่า “ในวาระหลังการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ชุดที่ 20 ครั้งที่ 3 ซึ่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้มุ่งเน้นการปฏิรูปประเทศ อย่างลงลึก รอบด้าน เพื่อผลักดันความทันสมัยของจีนในยุคใหม่ นานาอารยประเทศต่างก็สามารถเชื่อมต่อ เชื่อมโยงกับจีน เพื่อแสวงหาโอกาสร่วมกัน ทางสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยบทบาทของสื่อมวลชนไทย-จีน ที่ได้มาเชื่อมโยงกับผู้เรียนหลักสูตร บทจ. ทุกท่าน ซึ่งมาจากหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐ และ ภาคเอกชน จึงน่าจะก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศไทย ในการขยายผล แสวงหาโอกาสดีๆ จากการปฏิรูปเชิงลึกอีกระดับของจีน ซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อทิศทางการพัฒนาในอนาคตของจีน และจะสร้างสรรค์แรงผลักดันใหม่ๆ โดยเฉพาะในด้านการค้า การลงทุนไทย-จีน ให้ขยายผลยิ่งขึ้น”
หลังจากนั้น นายกสมาคมฯ ได้เชิญ นางสาวณัฐิยา สุจินดา รองอธิบดี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ขึ้นบรรยาย ซึ่งท่านได้ให้ข้อมูลว่า จากการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ที่ผ่านมา ได้ส่งผลดีต่อการค้าและการลงทุนระหว่างไทยจีน เป็นประเทศที่ใหญ่มากมีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน เป็นโอกาสของไทยอย่างยิ่งที่จะนําสินค้าไปขายที่จีน โดยเฉพาะสิ่งที่ไทยถนัด คือ อาหารและธุรกิจบริการต่างๆ สําหรับในส่วนของจีนนั้น ถือเป็นโอกาสในการลงทุนในไทย เพราะไทยถือเป็นประเทศที่เป็นกลาง และมีศักยภาพในการลงทุนหลายด้าน จึงถือเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย บทบาทของรัฐบาลจีนในช่วงที่ผ่านมา ได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการไทย โดยเมื่อจีนเปิดประเทศ ก็นำเข้าสินค้ามากขึ้น เมื่อถึงยุคของท่านประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ท่านได้จัดให้มีงาน China International Import Expo 2024 (CIIE) ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้านำเข้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะ จึงถือเป็นโอกาสที่สำคัญของทุกประเทศรวมถึงประเทศไทย อีกทั้งระบบโลจิสติกส์ ขนส่งทั้งทางเรือและทางบก ก็มีการปฏิรูปให้คล่องตัวมากขึ้นโดยตลอด อาทิ มีการเปิดด่านเพิ่มช่องทางสำหรับตรวจสอบผลไม้ ถือเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการไทยที่จะนําสินค้าไทยไปขายในจีน
นอกจากนี้ รองอธิบดี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยังได้กล่าวว่า การส่งออกสินค้าไทยในตลาดจีน ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ใช้การเชื่อมสัมพันธ์ทั้งกับรัฐและเอกชน ใช้ประโยชน์จากนโยบายไทยเป็นประตูทางเศรษฐกิจการค้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียง มีการผลักดันสินค้าออนไลน์และออฟไลน์ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญในจีน และจัดแสดงสินค้าไทยในจีน 4 กลุ่มสินค้าและบริการที่จีนชื่นชอบ อาทิ ดิจิทัลคอนเท้นต์ สุขภาพความงาม สินค้าอัตลักษณ์ไทยผ่านร้านอาหารไทย Thai Select มีการขนส่งเส้นทางทางบก ผ่านชายแดนลาว เวียดนามไปยังจีน และ ยังมีการเข้าพบหารือผู้บริหารระดับสูงของภาคส่วนต่างๆ และด่านศุลกากรของจีน เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการขนส่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า อาทิ ผลไม้ไทย เป็นต้น เชื่อว่าในอนาคต การค้าไทย-จีน จะมีการผลักดันความร่วมมือทางการค้าและความรว่มมือมากขึ้นกับหลายเมือง หลายมณฑลของจีน โดยปัจจุบันไทยมี 7 สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในจีน 7 แห่ง ได้แก่ คุนหมิง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซียะเหมิน เฉิงตู หนานหนิง และชิงเต่า