เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ตามที่นายพิทักษ์ โยธา นายกสมาคมจารวี เพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย พร้อมด้วยเครือข่าย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนาย สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เพื่อให้ตรวจสอบหมอนวดเถื่อนต่างชาติ ที่เข้ามาลักลอบประกอบอาชีพหมอนวด แย่งอาชีพคนไทย ปรับการขึ้นทะเบียนหมอนวดให้ทำได้ง่ายและรวดเร็ว ส่งเสริมการนวดเป็นซอฟต์พาวเวอร์ไทย โดยนายสมศักดิ์ เป็นผู้รับเรื่องด้วยตัวเอง และระบุว่าข้อเรียกร้องนั้นตรงกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องการผลักดันให้การนวดไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ดังนั้นการขึ้นทะเบียนนั้น เห็นว่ายังมีความจำเป็นอยู่ และอยู่ระหว่างที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพจะมีการปรับปรุงการอัพสกิล รีสกิลหมอนวดไทยและการขึ้นทะเบียนความเชี่ยวชาญในการรักษาอาการ หรือเป็นหมอนวดเกรด A และมีการกำหนดกรอบอัตราค่านวดแผนไทย
ทั้งนี้นายสมศักดิ์ ได้กำชับให้ระวังไม่ให้มีการแอบแฝงการนวดไทยมาขายบริการทางเพศ ซึ่งจะทำให้การนวดไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่มีใครกล้าเข้าไปใช้บริการ อย่าไปคิดสั้นๆ การทำร้านนวดจะต้องไม่มีขายบริการทางเพศ ตรงนี้จะต้องให้ชัดเจนและมีการลงโทษ มีขายบริการเมื่อไหร่เจ๊งเมื่อนั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยทุกฝ่ายรวมถึงภาคเอกชนให้ความร่วมมือ เพื่อจัดทำฐานข้อมูลและให้ชัดเจนเพื่อแยกแยะเรื่องของการนวดที่มีมาตรฐานได้ ซึ่งตนอยากเห็นความชัดเจนใน 2 เดือน ก่อนปีงบประมาณใหม่ เพื่อไปดำเนินการต่อให้สอดคล้องกับการส่งเสริมพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (เมดิคัลฮับ)
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในส่วนของการขึ้นทะเบียนการนวดต่างๆ จะเป็นหน้าที่ของ กรมสบส. มีการอบรมแบ่งหลักสูตรออกเป็นหลายระดับ ทั้งนวดผ่อนคลาย กับการนวดรักษา ซึ่งจะมีการสอนหลายช่วยโมง เช่นหลักสูตร 330 ชั่วโมง 372 ชั่วโมง ซึ่งเป็นขั้นเทพ ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงเรียนสอนนวด 412 แห่ง มีหมอนวดขึ้นทะเบียนประมาณ 2 แสนคน แต่กลับไม่มีข้อมูลว่า มีการทำงานจริงอยู่เท่าไหร่ สอบถามไปยังหน่วยงานเช่น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ก็จะเป็นตัวเลขประมาณการณ์เท่านั้น ซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มหมอนวดเข้าในระบบสุขภาพปีละกว่า 4 หมื่นคน อย่างไรก็ตาม อยากให้ สมาคมจารวีฯ รวมถึงองค์กรที่ดูแลเรื่องการนวด ช่วยกันทำข้อมูลตรงนี้ รวมถึงการแยกร้านนวดสีขาว ร้านนวดสีเทา สีดำ ซึ่งปัจจุบันเราพบว่า ในบรรดาร้านนวดนั้นมี 1 ใน 4 หรือ 25% ที่เป็นร้านนวดสีขาว ส่วนที่เหลือ เป็นร้านนวดสีเทา สีดำ จะเห็นว่าร้านนวดสีขาวมีน้อยกว่า ถ้าเราไม่ช่วยกันจะทำให้นวดไทย นวดสีขาวเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ก็จะมีการนำเข้าคณะกรรมการเมดิคัลฮับ เพื่อทำโปรเจคนี้ขึ้นมา
ด้าน นายพิทักษ์ กล่าวว่า ในส่วนของร้านนวดที่แฝงบริการทางเพศนั้น แน่นอนว่าต้องมีการช่วยกันดูแลกวดขัน และส่วนหนึ่งที่เห็นชัดเจน และคิดว่าจะทำให้เกิดผลกระทบกับชื่อเสียงของนวดไทย ซึ่งตนได้เห็นเองกับตา และเชื่อว่ารมว.สาธารณสุขเองก็รู้ แค่ขับรถออกไปตามถนนก็จะเห็นว่า มีการติดป้ายประกาศนวดพริตตี้ สปาพริตตี้จำนวนมาก เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ เยอะ หากมีกฎหมายข้อใดที่จะมาแก้ไขหรือบังคับใช้ในร้านเหล่านี้ ก็อยากให้มีการแก้ไขเพราะการใช้คำว่านวดนำหน้าตรงๆ เช่นนี้ แถวห้วยขวางสุขุมวิททองหล่อเยอะมาก
“ยากให้ตัดออกไปเลย เพราะอย่างท่านอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยเองก็ยังบอกข้อมูลว่า นวดสีขาวมีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น อีก 3 ส่วนเป็นนวดสีเทา สีดำ ผมเลยอยากเสนอว่าทำไมไม่เอาขึ้นมาอยู่บนดิน เพราะถ้ามีคำว่านวดมันก็ต้องไปขออนุญาตกับกรมสบส. ไม่อย่างนั้นก็ต้องตัดคำว่า นวดออกไปเลย ไม่มีคำว่านวดพริตตี้ สปาพริตตี้” นายพิทักษ์ กล่าว.