เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีหมายเลขแดงที่ อร 2/2562 ที่อัยการสูงสุดร้องนายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร คดีร่ำรวยผิดปกติ โดยศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้รายการสั่งซื้อทองคำแท่งในชื่อของนายสาธิต กับบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัช จำกัด รวม 15 รายการ ซึ่งเป็นทองคำแท่งน้ำหนักรวม 20,976.2 บาท (ทองคำ) มูลค่าปัจจุบัน 871,561,110 บาท (ราคาทองคำแท่ง ณ วันที่ 17 ก.ค. 2567 เฉลี่ยบาทละ 41,550 บาท) ให้ตกเป็นของแผ่นดิน รวมกับทรัพย์สินรายการอื่น ๆ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ตกเป็นของแผ่นดินอีกหลายรายการ
สำหรับคดีดังกล่าวคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิด นายสาธิต รังคสิริ ผู้ถูกกล่าวหา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ในคดีร่ำรวยผิดปกติ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2559 และมีมติว่า รายการสั่งซื้อทองคำแท่งในชื่อของนายสาธิต รังคสิริ กับบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัช จำกัด รวม 15 รายการ เป็นทรัพย์สินที่นายสาธิต ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์มากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ และได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่
โดยรายการทองคำที่มีการอายัดไว้ในระหว่างกระบวนการพิจารณาคดี สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ฝากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับมอบและเก็บรักษาไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 และศาลฎีกามีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วทองคำดังกล่าวจะต้องตกเป็นของแผ่นดิน โดยสำนักงาน ป.ป.ช. จะมีกระบวนการส่งมอบทองคำให้กระทรวงการคลัง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานร่วมกัน 3 ฝ่าย ได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ช. กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อดำเนินการในขั้นตอนการส่งมอบต่อไป
ทั้งนี้ ในช่วงปี พ.ศ. 2561-2567 ยังมีคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลและมีการร้องขอให้ศาลยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินอีกหลายคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล