สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ว่าชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลเราะห์มาน อัล-ธานี นายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศกาตาร์ กล่าวว่า “การลอบสังหารทางการเมือง” และการโจมตีอย่างเจาะจงกับพลเมืองในฉนวนกาซา ยังคงเกิดขึ้น ในเวลาเดียวกับที่การเจรจายังคงดำเนินอยู่ แล้วการหารือจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร “เมื่อฝ่ายหนึ่งลอบสังหารคู่เจรจาอีกฝ่าย”


ทั้งนี้ กาตาร์ถือเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือคนกลาง ในการเจรจาระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส เพื่อคลี่คลายสงครามในฉนวนกาซา ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว ร่วมกับอียิปต์และสหรัฐ


ท่าทีดังกล่าวจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลโดฮา เกิดขึ้นหลังกลุ่มฮามาสและกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) ยืนยันว่า นายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำสูงสุดฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศ “โดยอิสราเอล” ที่บ้านพักในกรุงเตหะราน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งการโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้น หลังฮานิเยห์เข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำอิหร่านคนใหม่ ของประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน


หลังเกิดเหตุ รัฐบาลอิสราเอลและกองทัพอิสราเอลยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ ขณะที่อิหร่าน ตุรกี ซีเรีย รัสเซีย และจีน ประณามเหตุการณ์ลอบสังหารฮานิเยห์ “เป็นอาชญากรรมที่ชั่วร้าย”


ขณะที่นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตัน “ไม่ทราบมาก่อนและไม่มีความเกี่ยวข้องในทางใดทั้งสิ้น” กับเหตุการณ์ลอบสังหารฮานิเยห์ พร้อมทั้งยืนยัน “ความจำเป็น” และ “ความสำคัญ” ของการเจรจาเพื่อให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา.

เครดิตภาพ : AFP