เช้าวันเสาร์ที่ 27 ก.ค. 2567 ตำรวจพบตัวหญิงวัย 50 ปี ซึ่งทราบชื่อภายหลังว่าคือนางลลิตา คายิ กุมาร์ ในป่าลึก ห่างจากเมืองมุมไบราว 450 กม. ในสภาพที่โดนล่ามโซ่ไว้กับต้นไม้

สภาพร่างกายของกุมาร์นั้นย่ำแย่มาก ขาข้างขวาของเธอที่โดนโซ่เหล็กล่ามไว้มีอาการบวม เจ้าหน้าที่รีบนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล ซึ่งแจ้งว่าอาการของเธออยู่ในขั้นวิกฤติ มีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง พูดไม่ได้และคาดว่าไม่ได้กินอาหารมานานหลายวัน 

ขณะนี้ยังไม่สามารถสืบทราบรายละเอียดได้ว่า กุมาร์ไปอยู่ในป่าในสภาพนั้นได้อย่างไร เนื่องจากสภาพพื้นที่โดยรอบเพิ่งประสบภาวะฝนตกหนักเมื่อไม่นานมานี้ รายงานข่าวระบุว่า หญิงผู้เคราะห์ร้ายบอกเจ้าหน้าที่สืบสวนว่า อดีตสามีของเธอเป็นคนจับเธอล่ามไว้กับต้นไม้ และอ้างว่าไม่มีอาหารตกถึงท้องมานานร่วม 40 วันแล้ว

ตำรวจอินเดียได้เปิดสำนวน โดยจัดให้เป็นคดีพยายามฆ่า มีอดีตสามีของกุมาร์เป็นผู้ต้องสงสัย เขาโดนกล่าวหาว่ากระทำการที่ทำให้ชีวิตของบุคคลอื่น ตกอยู่ในอันตรายและกักขังหน่วงเหนี่ยวบุคคลอย่างผิดกฎหมาย

ก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาช่วยกุมาร์ ชายเลี้ยงวัวคนหนึ่ง เป็นคนพบตัวเธอเป็นคนแรก หลังจากที่เขาได้ยินเสียงดังผิดปกติมาจากป่าลึก เมื่อตำรวจมาถึงป่าดังกล่าว และพบตัวกุมาร์ พวกเขาก็จัดการตัดโซ่เหล็กที่ล่ามเธอไว้กับต้นไม้ แล้วนำตัวส่งโรงพยาบาลซาวานทวาตี เพื่อรักษาอาการเบื้องต้น จากนั้นจึงย้ายเธอไปยังอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ที่มีความพร้อมมากกว่า

คลิปวิดีโอที่ถ่ายไว้ในโรงพยาบาล เป็นภาพของกุมาร์ที่กำลังเขียนบอกอาการป่วยของเธอ เนื่องจากเธอยังพูดไม่ได้ เธอยังอ้างว่าอดีตสามีนำเธอไปทิ้งไว้ในป่า หลังจากที่ทั้งสองมีปากเสียงกันที่บ้าน นอกจากนี้เธอยังบอกว่าไม่ได้กินอะไรเลยมานากว่า 1 เดือนแล้ว

ด้านตำรวจแถลงว่า กุมาร์มีปัญหาทางจิตเวชหลายอย่าง โดยดูจากใบสั่งยาที่เธอมีอยู่ในครอบครอง เธออ่อนแอมาก แม้สภาพร่างกายโดยรวมของเธอจะดีขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถให้ปากคำได้

ตำรวจยังตรวจสอบพบว่า กุมาร์มีสัญชาติอเมริกัน เนื่องจากเธอเกิดในสหรัฐอเมริกา แต่มาใช้ชีวิตอยู่ในรัฐกัว ที่อยู่ติดกับรัฐมหาราษฏระ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตำรวจพบตัวเธอโดนล่ามไว้กับต้นไม้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบหาว่า มีใครที่เคยติดต่อกับเธอบ้างในระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา

เบื้องต้นมีการสันนิษฐานว่า กุมาร์แต่งงานกับชายคนหนึ่งจากรัฐทมิฬนาฑู และใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอินเดียมาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบภาพถ่ายสำเนาของพาสปอร์ตสัญชาติสหรัฐของเธอ รวมทั้งบัตรประจำตัวประชาชนสหรัฐในที่เกิดเหตุ แต่ตรวจสอบพบว่าวีซ่าของเธอหมดอายุไปแล้ว 

ที่มาและเครดิตภาพ : dailymail.co.uk