เมื่อวันที่ 31 ก.ค. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชติ (ป.ป.ช.) ภายใต้การอำนวยการของนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายจักรกฤช ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ มอบหมายให้นายไพโรจน์  นิยมเดชา ผู้อำนวยการสืบสวนกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และสำนักงาน ป.ป.ท. เข้าจับกุม พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.60/2567 ลงวันที่ 26 ก.ค. 2567

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นพนักงานอัยการ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 มาตรา 201 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมาตรา 173 โดยเข้าจับกุมที่สำนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช ตำบลในเมือง อำเภอเมือนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช

ทั้งนี้ การออกหมายจับดังกล่าว สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งเบาะแสกับสำนักงาน ป.ป.ช. เกี่ยวกับพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช ปฏิบัติหน้าที่ผู้กลั่นกรองงาน ได้เรียกรับเงินจากผู้เสียหายเพื่อแลกกับการพิจารณาทำความเห็นเพื่อสั่งไม่ฟ้องคดี ในคดีที่ผู้เสียหายเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช และสำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้อนุมัติให้เจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สืบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และร่วมกับ บก.ปปป. และสำนักงาน ป.ป.ท. เพื่อวางแผนเข้าทำการจับกุมดังกล่าว ภายหลังการจับ พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2566 มาตรา 22 และมาตรา 23 และได้นำตัวผู้ถูกกล่าวหาไปทำบันทึกจับกุมที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช พร้อมทั้งจะนำตัวผู้ถูกกล่าวหา ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.