จากกรณี ตำรวจบุกจับกุม นายมงคล ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาตลิ่งชัน ในความผิดฐาน กระทำความผิดฐานกระทำโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่สำนักงานอัยการสูงสุด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน สำนักงานอัยการสูงสุดโดยไม่มีสิทธิ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ และ พ.ร.บ.เครื่องหมายราชการ พ.ศ. 2482 ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 146 ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
จับคาเครื่องแบบ! รวบ ‘อัยการปลอม’ สร้างตัวตนโลกโซเชียลโจ่งครึ่ม
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 30 ก.ค. นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า จากกรณีที่ปรากฏภาพหนังสือแต่งตั้ง นายมงคล เป็นที่ปรึกษาอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน เป็นหนังสือจริง ในสมัย นายอุทัย อาทิเวช ดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำหรับที่มาที่ไปของการออกหนังสือแต่งตั้งที่ปรึกษา ดังกล่าว เท่าที่ทราบ นายอุทัยนอกจากเป็นอัยการแล้ว ยังเป็นนักวิชาการ สอนหนังสือมีลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ซึ่ง ดร.อุทัย ก็จะมีความเมตตากับลูกศิษย์ ย้อนไปเมื่อช่วงปี 2565 นายมงคลขณะที่ยังบวชเป็นพระ ได้ไปหา นายอุทัย พร้อมกับร้องขอบิณฑบาตให้ นายอุทัย แต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา เพื่อที่จะได้เป็นโปรไฟล์ สร้างความน่าเชื่อถือเวลาทำงาน
ด้วยความที่ นายอุทัย เป็นอาจารย์และมีความเมตตาต่อลูกศิษย์ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ ตามมา จึงออกหนังสือแต่งตั้งฉบับดังกล่าวออกไปเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2565 จะเป็นที่สังเกตได้อีกว่า นายอุทัย จะดำรงตำแหน่งอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนได้อีกไม่กี่เดือนเพราะต้องขึ้นไปดำรงตำแหน่ง รองอัยการสูงสุด ในวันที่ 1 ต.ค. 2565 ซึ่งเป็นปีเดียวกัน เท่ากับว่า ถ้ายึดตามหนังสือแต่งตั้งนายมงคลจะเป็นที่ปรึกษาเพียงแค่ 2 เดือน คือ ช่วง ส.ค.-ก.ย. 2565 และนายมงคลจะต้องพ้นตำแหน่งที่ปรึกษาตามการโยกย้ายตำแหน่งของ นายอุทัย ไปแล้ว แต่นายมงคลยังเอาหนังสือแต่งตั้งดังกล่าว ยึดถือไว้แล้วไปแอบอ้างเรื่อยมา
สำหรับพฤติการณ์ นายมงคล ที่มักจะไปกล่าวบรรยายปาฐกถาตามหน่วยงานราชการที่สำคัญ นายวัชรินทร์ กล่าวว่า นายมงคลก็จะเอาหนังสือแต่งตั้งฉบับดังกล่าว เป็นหลักฐานให้กับหน่วยงานราชการ หรือเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง รวมไปถึงตำแหน่งหรือคุณวุฒิต่าง ๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนเอง
ต่อมาเริ่มมีการร้องเรียนเข้ามายังสำนักงานอัยการถึงพฤติกรรมของนายมงคล พร้อมกับเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ ว่าบุคคลดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งนายอุทัยได้มีการย้ายไปดำรงตำแหน่งรองอธิบดีอัยการสูงสุดแล้ว มี นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ มาดำรงตำแหน่งอธิบดีสำนักงานอัยการสอบสวน ซึ่งเมื่อ นายธนิต มาดำรงตำแหน่งก็ไม่ทราบเรื่องมาก่อน ตนในฐานะรองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ก็ได้แจ้งให้ทราบ
จากการสอบสวนและรับเรื่องราวร้องเรียนก็ทราบว่า นายมงคล มีพฤติกรรมแอบอ้างมากมาย ยกตัวอย่างเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2566 นายมงคลใส่ชุดเครื่องแบบราชการเต็มยศขึ้นไปแอบอ้างเบ่งใส่ ตำรวจที่ สภ.ธัญบุรี ว่าเป็นที่ปรึกษาอัยการสูงสุด และแอบอ้างเคยได้รับแต่งตั้งจาก ผบ.ตร. ให้สอน นายพล และทำท่าจะเข้าไปตบตำรวจคนดังกล่าว จนนำมาสู่การดำเนินคดี นายมงคล ในข้อหา ข่มขู่รังแกทำให้ผู้เสียหายอับอาย นายมงคลให้การรับสารภาพ ศาลลงโทษจำคุก 15 วัน แต่รอลงอาญา 2 ปี ทำให้นายมงคลมีคดีติดตัว แล้ว 1 คดี
นายวัชรินทร์ ยังเล่าถึงพฤติกรรมอวดเก่งแอบอ้างข่มขู่อีกว่า มีอัยการหญิงหลานนายพลตำรวจตรีชื่อดังคนหนึ่ง มาร้องเรียนว่าถูก นายมงคล ตามคุกคามเชิงชู้สาว อัยการหญิงท่านนี้คิดว่าเป็นอัยการรุ่นพี่ จึงไม่ตอบโต้อะไร แต่ก็ร้องเรียนมาที่สำนักงานอัยการ ให้ตรวจสอบ ส่วนนายมงคลถึงขึ้นตามไปถึงบ้านหาพ่อแม่ของอัยการหญิง อ้างว่าไปเยี่ยม
ส่วนที่ นายมงคล เอาเครื่องหมายอัยการมาประดับ ที่เห็นได้ชัดคือที่บ่าอัยการ โดยรุ่นใหม่จะเป็นภาพพระไพศรพณ์ ซึ่งเป็นปางหนึ่งของ ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งเป็นเทพที่อัยการเรานับถือ อัยการบางคนยังไม่ทันได้เปลี่ยนบ่าเลย ถือว่านายมงคลทันสมัย ตามเครื่องหมายใหม่ทัน และเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงลงโทษ เนื่องจากผิดกฎหมายปลอมแปลงเครื่องหมายราชการ จากการตรวจสอบพบว่า นายมงคล ใส่เครื่องแบบอัยการที่มีเครื่องหมายพระไพศรพณ์ ถึง 16 ครั้ง ซึ่งก็ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ ด้วยเรื่องร้องเรียนและพยานหลักฐาน อัยการจึงดำเนินคดีออกหมายจับ จนนำมาสู่การจับกุม นายมงคล ขณะบรรยายที่โรงเรียนย่านนนทบุรี เมื่อเร็ว ๆ นี้
นายวัชรินทร์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้รับเรื่องร้องเรียนอีกหลายเรื่อง อย่างมีกรณีหนึ่ง จาก ผกก.สน.สำราญราษฎร์ เมื่อ 24 มิ.ย. 2567 ได้ทราบว่านายมงคลใส่ชุดสีกากีชุดอัยการ ใส่หมวกช่อชัยพฤกษ์ ใส่เครื่องแบบใหม่ของอัยการ เดินขึ้น สน.สำราญราษฎร์ มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพชัดเจน ไปหา ผกก. เพื่อไปมอบใบอนุโมทนาบัตรและไปเจอตำรวจสาวหน้าห้อง นายมงคล ได้มีการขอแลกไลน์ หลังจากนั้น นายมงคล ก็ส่งรูปภาพการแต่งกายอัยการและอ้างว่าเป็นอัยการชั้น 5 ซึ่งเป็นถึงระดับอัยการจังหวัด หรืออัยการผู้เชี่ยวชาญให้กับตำรวจหญิงคนดังกล่าว ทาง ผกก.สน.สำราญราษฎร์ จึงสอบถามมายังสำนักงานอัยการสูงสุดว่าเป็นอัยการจริงหรือไม่ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคดีที่กำลังจะดำเนินคดีกับนายมงคล
ส่วนกรณีที่ว่า ทำไมตำรวจถึงให้ประกันตัวหลังถูกจับเมื่อวาน นายวัชรินทร์ กล่าวว่า เป็นดุลพินิจของตำรวจ แต่ต้องไม่ลืมว่า นายมงคล ยังมีคดีอีกหลายคดี ตนในฐานะรองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนและรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดขอฝากประชาชนหรือข้าราชการระดับสูง หากถูกนายมงคลหลอกข่มขู่คุกคาม ขอให้มาแจ้งที่สำนักงานอัยการการสอบสวน ถนนบรมราชชนี ใกล้กับ สน.ตลิ่งชัน เพื่อนำเสนออัยการสูงสุดดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป ในส่วน นายอุทัย อดีตรองอัยการสูงสุดก็ทราบเรื่องแล้ว ก็ได้สั่งการมาว่าให้ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นลูกศิษย์ลูกหากันมาก่อน.