กลายเป็นประเด็นร้อนก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลัง “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เชิญ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข เคลียร์ใจหาข้อยุติประเด็นความขัดแย้งเรื่องกัญชา ที่กำลังเป็นประเด็นร้อน เริ่มก่อชนวนรอยร้าวระหว่าง 2 เจ้ากระทรวงพรรคร่วมรัฐบาล อย่างภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย
เพราะ “เสี่ยหนู” ประกาศกร้าวค้านสุดตัว จะโหวตสวนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เพื่อควบคุมการบังคับใช้กัญชาให้ใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ วิจัยและเศรษฐกิจเท่านั้นในชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือบอร์ด ป.ป.ส. ซึ่งรมว.มหาดไทย ต้องร่วมลงมติด้วย ตั้งแท่นราวีกันเป็นหนังยาว ผู้มากบารมีนายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้าและผู้มากบารมีแห่งอีสานใต้ไม่ยอมเดินหมากเล่นเกมซูเอี๋ยกันแน่นอน
งานนี้คดีพลิกเรียกประชุมวงเล็ก 3 คนคุยบนตึกไทยคู่ฟ้า สัญญาณ “ปฏิญญาเขาใหญ่” ส่งตรงถึงทำเนียบรัฐบาล “นายกฯเศรษฐา” ทุบโต๊ะเปรี้ยงให้ออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)กัญชา กัญชง เพื่อยุติความขัดแย้ง กระทืบเบรกหัวทิ่ม กลับหลังหันแบบ 180 องศาแทบไม่ทัน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ ผู้นำประเทศกลายเป็นไม้หลักปักเลน ถูกอำนาจซ้อนอำนาจไร้หลักการในการยึดผลประโยชน์ของประชาชน เลือกการประคองเกมอำนาจการเมืองมาก่อน เครดิตทางการเมืองของนายกฯถูกทอนลงไปเรื่อยๆ
แน่นอนว่าเพราะต้นเหตุที่แท้จริงเกิดจากก่อนหน้านี้ “นายกฯนิด” หักดิบคืนสถานะให้ “กัญชา” กลับเป็นยาเสพติดประเภท 5 อีกครั้ง โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2568 ดับฝันสลายนโยบายกัญชา “นโยบายเรือธงค่ายสีฟ้า” ของพรรคภูมิใจไทย ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ผลักดันนโยบายหลักของพรรคภูมิใจไทย ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ให้ประกาศปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด
งานนี้หลายฝ่ายมองว่าเหมือนเกมงัดข้อเอาคืนของค่ายสีน้ำเงิน หนังกัญชาไตรมาสแรกจบลงแบบสวยงามวินๆทั้งค่ายสีแดง และ ค่ายสีน้ำเงิน ไม่ต้องลุ้นจังหวะพลิกคว่ำพลิกหงาย “นายใหญ่” คุมเกมสั่งตรงเองมีหรือใครจะกล้าขัด ไฟต์บังคับที่เอื้อ “กาวตราหนู” สถานการณ์ทั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และนายใหญ่ต้องยอมลดเพดานความฮึกเหิม จูนดุลอำนาจกับ “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
จากนี้คงต้องรอติดตามตอนต่อไป เพราะสำหรับพรรคภูมิใจไทยแล้ว นโยบายกัญชาแนวร่วมที่สนับสนุนทุ่มเทลงทุนขับเคลื่อนกันมาไกล จะกลับหลังหันก็ไม่ได้ จะถอยดื้อๆก็ย่อมไม่เป็นผลดีเช่นกัน ฉะนั้นเพื่อลดความเสี่ยง ควรชักฟืนออกจากไฟเสียก่อน หากยังขืนเดินหน้าต่อรับรองว่ามีปัญหา จนอาจถึงขั้นอาจทำให้รัฐบาลผสมชุดนี้ที่เพิ่งผ่านมาได้เกือบปี ต้องพังครืนลงไปต่อหน้าแน่นอน.