สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ว่า จากเหตุการณ์ขีปนาวุธโจมตีสนามฟุตบอล ที่เมืองมาจดาล แชมส์ บนที่ราบสูงโกลันส่วนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของอิสราเอล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 18 คน ทั้งหมดเป็นเด็กและวัยรุ่นชาวดรูซ อายุระหว่าง 10-20 ปี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา


นายโยอาฟ กัลลันต์ รมว.กลาโหมอิสราเอล กล่าวว่า กองทัพ “จะจัดการศัตรูอย่างหนักหน่วง” และปฏิบัติการครั้งใหม่ในเลบานอน “อาจก่อให้เกิดผลกระทบในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

เก้าอี้คลุมผ้าสีดำ 12 ตัว บนสนามฟุตบอล ในเมืองมาจดาล แชมส์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการไว้อาลัยให้แก่เด็ก 12 ราย ซึ่งเสียชีวิตจากการโจมตีด้วยจรวด


ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า ขีปนาวุธซึ่งตกที่สนามฟุตบอล เป็นแบบ “ฟาลาค-วัน” (Falaq-1) ซึ่งผลิตในอิหร่าน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์มักใช้งาน แต่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ออกแถลงการณ์ ยืนกรานปฏิเสธมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โจมตีดังกล่าว


อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์โจมตีสนามฟุตบอล ในเมืองมาจดาล แชมส์ เกิดขึ้นไม่นาน หลังกองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ต่อเป้าหมาย 4 แห่งทางตอนใต้ของเลบานอน ส่งผลให้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดจำนวนหนึ่ง ให้ตกในภาคเหนือของอิสราเอล และพื้นที่บางส่วนของที่ราบสูงโกลัน


ขณะที่นายนาสเซอร์ คานานี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า “พฤติกรรมก้าวร้าวรูปแบบใดก็ตามของรัฐไซออนิสต์ สามารถนำไปสู่การขยายขอบเขตของความไม่มั่นคงและสงครามในภูมิภาค”


ด้านกระทรวงการต่างประเทศซีเรียออกแถลงการณ์ประณาม “ข้อกล่าวหาที่บิดเบือน” ของอิสราเอล ที่มีต่อกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และกล่าวว่า อิสราเอลกำลังอาศัยเหตุการณ์ครั้งนี้ “เป็นข้ออ้าง” เพื่อยกระดับการโจมตีเลบานอน


อีกด้านหนึ่ง นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประณามเหตุการณ์โจมตีสนามฟุตบอล ในเมืองมาจดาล แชมส์ และขอให้ “ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอดกลั้นระดับสูงสุด”.

เครดิตภาพ : AFP