เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ สน.โชคชัย นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พานางสิริเพ็ญ โอภาสเที่ยงธรรม หรือ คุณยายเพ็ญ อายุ 72 ปี เข้าพบ พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 และ พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผกก.สน.โชคชัย เพื่อติดตามคดี หลังถูกเจ้าหนี้นอกระบบ ยกพวกรุมทำร้ายร่างกายด้วยการเตะตัดขาและตบที่ใบหน้าอย่างรุนแรงจน เส้นเลือดในตาแตก สาเหตุจากทวงเงินลูกหนี้ไม่ได้ โดยก่อนหน้านี้เคยมาแจ้งความแล้ว ผ่านไป 7 วัน คดียังไม่คืบหน้า

โดย นางสิริเพ็ญ เล่าให้ฟังว่า ตนพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมย่านถนนโชคชัย 4 รู้จักกับแก๊งเงินกู้รายนี้ประมาณเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากไปกู้เงินมา 6,000 บาท ส่งวันละ 300 บาท จากนั้นเจ้าหนี้ได้ให้ตนไปหาคนมากู้เพิ่ม เพื่อแลกกับการที่ไม่ต้องหาคนมาค้ำประกันเงินกู้ จากนั้นมีเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้มากู้อีก 2 ราย โดยทางเจ้าหนี้ได้ให้ตนเป็นคนรวบรวมเงินจากลูกหนี้ที่ตนหามาเพิ่ม ให้เหตุผลว่าจะได้โอนทีเดียว ต่อมาเมื่อตนได้จ่ายหนี้จนหมด ก็ได้ขอกู้ใหม่เป็นเงิน 10,000 บาท ผ่อนวันละ 500 บาท รวม 24 วัน

ที่ผ่านมาตนเองและลูกหนี้รายอื่นๆ ไม่เคยขาดส่งเงินที่จะต้องจ่ายรายวันหรือแม้จะส่งไม่ครบ แต่ก็ทบเพิ่มให้ในวันถัดไปตลอด โดยปกติตนเองจะต้องรวบรวมเงินไปส่งให้เจ้าหนี้จำนวน 1,900 บาท เป็นยอดของตนเอง 1,000 บาท เป็นของเพื่อนบ้านอีก 2 คน รวม 900 บาท แต่เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ตนเก็บยอดส่งได้แต่ 1,200 บาท ยังเหลืออีก 700 บาท ซึ่งเป็นเงินของเพื่อนบ้าน ทำให้เจ้าหนี้ไม่พอใจ โทรฯ มาด่าตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งต่อมาเพื่อนบ้านได้โอนเงินมาให้ตน ซึ่งขณะนั้นตนหลับอยู่จึงไม่เห็นยอดเงิน และเมื่อตื่นก็รีบโอนเงินไปให้เจ้าหนี้ แต่เจ้าหนี้ได้โทรฯ ไปต่อว่าเพื่อนบ้านก่อนหน้านั้นแล้ว

กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 20 ก.ค. แก๊งเงินกู้จำนวน 4 คน เข้ามาถามหาคนที่จ่ายเงินช้าเมื่อวาน รวมถึงมาทวงเงินของวันที่ 19 ก.ค. ซึ่งยังไม่ได้จ่ายเงิน โดยให้ตนเองเป็นคนพาไปตาม แต่เพื่อนบ้านไม่อยู่ ตอนนั้นตนเองยอมรับว่าได้ด่ากลุ่มแก๊งเงินกู้ไปว่า ดึกแล้วทำไมยังมาทวงอีก ไม่เกรงใจกันบ้างหรือ ตรงนี้อาจจะทำให้เขาไม่พอใจแล้วเข้ามาทำร้ายตนเอง โดยการตบเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง ตนเองพยายามเดินหนี แต่ยังถูกเตะที่ขาขจนล้ม จากนั้นได้หยุมหัวตนเองแล้วตบอีก ก่อนที่ลูกสาวจะออกมาห้าม แก๊งเงินกู้จึงหยุด ตนจึงไปร้อง “เพจสายไหมต้องรอด” ให้มาช่วย และได้ไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.โชคชัย 4 ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค แต่ก็ยังไม่ได้ความคืบหน้าแต่อย่างใด ซึ่งถ้าคนร้ายมาขอโทษตนก็จะไม่ให้อภัย และอยากจะขอค่ารักษาพยาบาล

นายเอกภพ กล่าวต่อว่า ปัญหาคือ เรื่องนี้เป็นนโยบายของทางรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ห้ามให้เจ้าหนี้ใช้พฤติกรรมที่รุนแรงกับลูกหนี้ แต่เหตุการณ์นี้ ได้ไปแจ้งความตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. แต่ทำไมยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ โดยตำรวจอ้างว่า ทะเบียนรถที่คนร้ายใช้เป็นทะเบียนปลอม เรื่องนี้ทำให้ผู้เสียหายใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง กลัวคนร้ายจะย้อนกลับมาทำร้ายอีกครั้ง

ด้าน พล.ต.ต.ธนันท์ธร เปิดเผยว่า คดีที่เกิดขึ้นไม่ได้ล่าช้า เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ดำเนินการพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่วันแรกที่ผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีแล้ว เพียงแต่ว่า การจะออกหมายจับตัวผู้กระทำความผิดนั้น จะต้องสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดก่อน ซึ่งได้นัดให้มาสอบปากคำไปแล้วเมื่อวานนี้ แต่ผู้เสียหายไม่สะดวกมาพบ จึงจะได้ดำเนินการสอบปากคำในวันนี้อย่างละเอียด เพื่อนำไปสู่การออกหมายจับต่อไป

ทั้งนี้ฝ่ายสืบสวนสามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้ทำความผิดได้แล้ว 3 ราย จากทั้งหมด 4 ราย โดยในวันนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปตรวจสอบผู้กระทำความผิดแล้ว เบื้องต้นจากพฤติการณ์ สามารถตั้งข้อหาดำเนินคดีได้ 3 ข้อหา ได้แก่ ประกอบกิจการสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต, คิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด และใช้ความรุนแรงในการติดตามทวงถามหนี้ นอกจากนี้ หากได้ตัวผู้ทำความผิดแล้วสอบสวนพบว่า ได้กระทำความผิดฐานอื่นอีก ก็จะเพิ่มข้อหาดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธนันท์ธร เปิดเผยอีกว่า ขอให้ทางผู้เสียหายสบายใจได้ เนื่องจากตำรวจสามารถที่จะติดตามตัวผู้ทำความผิดมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ทราบเรื่องแล้ว และได้สั่งการอย่างเร่งรัดให้ดำเนินการคดีนี้อย่างเฉียบขาด เนื่องจากต้องเป็นไปตามโยบายของรัฐบาลในขณะนี้ ต้องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบและปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่ติดตามทวงหนี้อย่างผิดกฎหมายด้วยความกวดขัน โดยได้สั่งการให้ สน.โชคชัย และทุกท้องที่ใน บก.น.4 ทำข้อมูลตรวจสอบกลุ่มปล่อยเงินกู้นอกระบบทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด.