สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่าภารกิจทางทหารทั้งหมดของสหรัฐในอัฟกานิสถาน จะยุติอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 31 ส.ค.นี้ เร็วขึ้นกว่ากำหนดการเดิม คือภายในวันที่ 11 ก.ย.ที่จะถึง ซึ่งปีนี้ตรงกับวาระครบรอบ 20 ปี เหตุวินาศกรรม 9/11 เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2544
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐประกาศคงกำลังทหารต่ออีกประมาณ 650 นาย เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงคาบูล และการให้ความช่วยเหลือล่ามชาวอัฟกันพร้อมครอบครัว ให้ย้ายถิ่นฐานไปอาศัยยังสถานที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ไบเดนใช้ถ้อยคำอย่างระมัดระวัง ด้วยการ "ไม่ประกาศชัยชนะ" แต่กล่าวว่า "สหรัฐบรรลุเป้าประสงค์ที่วางแผนไว้แล้ว" นั่นคือการจัดการกับกลุ่มอัล-กออิดะห์ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มก่อการร้ายรายนี้และเครือข่าย สามารถเคลื่อนไหวให้เป็นภัยคุกคามต่อชาวอเมริกันได้อีก โดยสำคัญที่สุด คือหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐ สามารถสังหารนายโอซามา บิน ลาเดน ผู้ก่อตั้งและผู้นำสูงสุดของกลุ่มอัล-กออิดะห์ ได้สำเร็จ เมื่อปี 2554
ผู้นำสหรัฐกล่าวต่อไปว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลวอชิงตันทุกสมัยไม่ได้ส่งทหารเข้าไปในอัฟกานิสถาน "เพื่อสร้างชาติให้กับชาวอัฟกัน" เรื่องดังกล่าวเป็นความรับผิดชอบ และเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนในประเทศแห่งนั้นเอง ว่าจะเลือกทางเดินต่อไปอย่างไร ไบเดนยืนยันว่า ตราบใดที่เขายังคงอยู่ในตำแหน่งผู้นำสหรัฐ การส่ทหารเข้าไปในอัฟกานิสถานเพื่อสู้รบ "ในสมรภูมิที่คาดเดาไม่ได้" จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก
เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการที่กรุงคาบูลจะกลับไปตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มตาลีบัน ไบเดนกล่าวว่า เขาเชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพอัฟกานิสถาน ส่วนการที่กลุ่มตาลีบันรุกคืบพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่องนั้น สหรัฐยังคงคาดการณ์ว่า น่าจะยังคงอยู่ในส่วนของพื้นที่รอบนอกทางเหนือและตะวันตกเท่านั้น
ด้านกลุ่มตาลีบันยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการต่อคำกล่าวล่าสุดของไบเดน ซึ่งถือเป็นการให้ความเห็นชัดเจนที่สุดของประธานาธิบดีสหรัฐ ที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันในอัฟกานิสถาน แต่เมื่อต้นสัปดาห์นี้ กลุ่มตาลีบันยืนกรานว่า หลังวันที่ 11 ก.ย.นี้ "ต้องไม่มีทหารตะวันตกอยู่บนแผ่นดินอัฟกานิสถานอีก".

เครดิตภาพ : AP