นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก น.ส.ขนิษฐา โชติกวณิชย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทย ที่เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 46 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างวันที่ 21-31 ก.ค. ว่า ในการประชุมวันที่ 27 ก.ค. นี้ ที่ประชุมจะมีการพิจารณาการนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี ของประเทศไทย ขึ้นเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในช่วงบ่ายตามเวลาท้องถิ่นของอินเดียซึ่ง ซึ่งช้ากว่าเวลาในประเทศไทยประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลไทยได้มอบหมายให้กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เตรียมความพร้อมในการจัดแถลงข่าวการประกาศขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี เป็นมรดกโลกในเวลา 14.00 น. ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิธี

อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า สำหรับการแถลงข่าวครั้งนี้ จะมีการถ่ายทอดสัญญาณจากห้องประชุมขณะประกาศขึ้นทะเบียน ระหว่างนั้นจะมีกล่าวถึงความเป็นมาของการนำเสนอการขึ้นทะเบียนการขอขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นมรดกโลก ประวัติความเป็นมา ความสำคัญของแหล่งโบราณสถานที่มีความเชื่อมโยงความเป็นสากลตามหลักเกณฑ์การประกาศขึ้นทะเบียนของยูเนสโก การบูรณาการและร่วมกันผลักดันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่น ในการนำเสนอต่อยูเนสโก นำมาสู่การประกาศขึ้นทะเบียนจนประสบความสำเร็จ เมื่อมีการรับรองอย่างเป็นทางการ จะมีการกล่าวแสดงความยินดีจากรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.วธ. ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย ซึ่งการขึ้นทะเบียนดังกล่าว จะถือเป็นมรดกโลกแหล่งที่ 8 ของประเทศไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมลำดับที่ 5 ต่อจากอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ที่ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา

“กรมศิลปากรได้เตรียมความพร้อมรองรับการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลกของอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เบื้องต้น โดยได้หารือกับ จ.อุดรธานี ในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะเมืองมรดกโลกถึง 2 แห่ง ประกอบด้วย แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง และอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวอุดรธานี และประเทศไทย ทั้งนี้ ได้เตรียมการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวด้วยการเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งการจัดเตรียมรถรางไฟฟ้า จุดจอดรถรถ การดูแลอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยในการเดินทางของนักท่องเที่ยว การติดป้ายสัญลักษณ์ทางเดิน และความสำคัญของพื้นที่ เนื่องจากเป็นกลุ่มเพิงหิน ใบเสมา ลานประกอบพิธีทางศาสนา พร้อมเชิญชวนชาวไทยร่วมติดตามให้ลุ้นผลการประกาศขึ้นทะเบียนครั้งประวัติศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน” นายพนมบุตร กล่าว