เมื่อวันที่ 26 ก.ค. นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องคดียุบพรรคก้าวไกล ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาด วันที่ 7 ส.ค. ว่า ยังมั่นใจเหมือนเดิม ในแง่ที่ ยิ่งต่อสู้คดี ก็ยิ่งมั่นใจ ทั้งในข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ตนพูดหลายครั้ง อย่าเพิ่งไปสรุปว่า ยุบพรรคก้าวไกลแน่นอน เมื่อถามถึงกรณีที่ให้สัมภาษณ์เมื่อหลายวันก่อน ว่า เขาว่าอาจจะไม่ยุบพรรคแล้ว เขาในที่นี้หมายถึงใคร นายชัยธวัช ตอบว่า ตนพูดถึงความเห็นของหลายๆ คนที่ตนพบปะด้วย จากเดิมช่วงตอนเริ่มต้นคดี คนเกือบจะ 100% ฟันธงไปแล้ว เมื่อมีคำวินิจฉัยที่ 3/2567ออกมา พรรคก้าวไกลน่าจะถูกยุบแน่นอน แต่หลังจากนั้นจนมาถึงปัจจุบัน ความคิดเห็นเริ่มจะเปลี่ยนในหลายๆ คนโดยเฉพาะหลังจากฟังแนวทางการต่อสู้ของพรรคก้าวไกล รวมถึงอาจจะประเมินสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย ก็เห็นว่า พรรคก้าวไกลอาจจะมีโอกาสชนะคดีนี้ก็ได้ เมื่อถามย้ำว่า เขาในที่นี้ไม่หมายความว่า ได้รับสัญญาใดมา หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่มีๆ

นายชัยธวัช กล่าวว่า การเตรียมการเรื่องชื่อพรรคใหม่ ของพรรคก้าวไกลตอนนี้ ยังไม่จำเป็น แต่ผู้บริหารเตรียมทุกสถานการณ์ความเป็นไปได้ บริหารจัดการสถานการณ์ได้อย่างดีที่สุด แต่ถามว่า วันนี้หัวหน้าพรรคจะเป็นใคร หรือพรรคใหม่ ชื่ออะไร ยังไม่ถึงเวลาพูดคุยเรื่องนั้น เมื่อถามย้ำเรื่องชื่อพรรคใหม่ จะไม่ใช้ชื่อว่า ก้าวใหม่ แล้วทำไมเป็นอย่างนั้น นายชัยธวัช หัวเราะพร้อมกับระบุว่า ไม่รู้ ยังไม่ได้พูดคุยกัน เพราะยังมีโอกาสชนะอยู่ ถ้ารีบไปคุยกันเรื่องพรรคใหม่ ก็เป็นการส่งสัญญาณผิดๆ

นายชัยธวัช กล่าวถึงกรณีมองและประเมินอย่างไรเกี่ยวกับภาพปฏิญญาเขาใหญ่ ปรากฏออกมา ในช่วงที่ 2 คดีใหญ่ทางการเมือง คือ คดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี กับคดียุบพรรคก้าวไกล ใกล้จะชี้ขาดพอดีในเดือน ส.ค. นี้ ว่า แต่ถ้าให้ประเมิน ก็อาจไม่ได้เกี่ยวกับคดีความต่างๆ แต่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประกาศตัวมาแล้วล่วงหน้า ว่ากำลังจะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ หลังจากวันที่ 22 ส.ค. อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่อาจมีการพูดคุยกันถึงบทบาทนายทักษิณหลังจากนี้ แม้ว่า นายทักษิณ ไม่ใช่รัฐบาลอย่างเป็นทางการ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความสัมพันธ์โดยตรงกับพรรคเพื่อไทย และ ครม. ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าภายในรัฐบาลต้องการกระชับความสัมพันธ์ เพราะอาจจะมีปัญหาภายใน และนอกจากความเห็นประชาชนที่มีต่อรัฐบาล ที่ไม่สามารถจะส่งมอบนโยบาย ไม่มีผลงานที่เป็นที่พอใจของประชาชน มันกระทบกับรัฐบาลโดยรวมทุกพรรค ดังนั้น รัฐบาลอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก จึงจำเป็นจะต้องพูดคุยถึงทิศทางที่ชัดเจน ป้องกันไม่ให้เกิดความแตกแยก น่าจะเป็นแง่นี้

“ขณะเดียวกัน ภาพบุคคลต่างๆ ที่มาตีกอล์ฟ ซึ่งอันนี้รวมถึงนักธุรกิจใหญ่สำคัญในธุรกิจพลังงานด้วย ก็ทำให้ประชาชนยิ่งตั้งคำถามกับรัฐบาล ภาพนี้ก็ส่งผลต่อความไม่มั่นใจ โดยเฉพาะนโยบายเรื่องราคาพลังงาน หรือการลดการผูกขาดของทุนใหญ่ อันนี้ก็ที่ผมเห็นปฏิกิริยาของประชาชน ก็จะเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยเหมือนกัน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว 

เมื่อถามว่าประมวลภาพการทำงาน เริ่มเห็นความผิดพลาดของรัฐบาล จนถึงขั้นจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้แล้วหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นไปอย่างที่เราเคยอภิปรายทักท้วงไว้ ตั้งแต่เริ่มแถลงนโยบายต่อสภา มีแต่คำพูดลอย ๆ ไม่เห็นยุทธศาสตร์ ไม่เห็นแผนปฏิบัติ ต่างคนต่างทำ ไม่มีแผนงานที่เป็นเอกภาพ ต่างคนต่างอยู่ ที่น่าเป็นห่วง คือนโยบายเรือธงด้านเศรษฐกิจรัฐบาลดื้อรั้น น่าเสียดายถ้ารัฐบาลจะไม่ทบทวน เลยเมื่อวันแถลงข่าว นักข่าวพยายามถามถึงเม็ดเงินที่ใช้ จะคุ้มค่าหรือไม่ ก็ตอบไม่ได้ ไม่ตอบสักคำเดียว แสดงว่า แม้กระทั่ง ครม. เอง ก็ไม่กล้ายืนยันแล้ว ไอ้ที่บอกว่าจะเกิดพายุทางเศรษฐกิจ เมื่อถามถึง ความเป็นไปได้ในเรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า มีการหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านบ้างแล้ว ทั้งเรื่องการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 รวมถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ตามมาตรา 151 ก็คือเตรียมอยู่ เราเห็นว่า ถ้าเกิดมีข้อมูลเพียงพอ และจำเป็นต้องอภิปราย 151 ก็อภิปรายได้เลย อันนี้มีการพูดคุยบ้างแล้ว แต่ยังไม่กำหนดตายตัว.