สำนักงานสาธารณสุขจันทบุรีร่วมกับศูนย์ฝึกดับเพลิงและกู้ภัยโรงกลั่นน้ำมัน บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชมรมกู้ภัยประเทศไทย จัดการฝึกอบรมการฝึกอบรม EMS-HAZMAT การจัดการอุบัติภัย การกู้ภัยสารเคมี และระบบการแพทย์ฉุกเฉินในสถานการณ์อุบัติภัยสารเคมี ให้ให้กับทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ชีพตำบล กู้ภัยสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี เจ้าหน้าดับเพลิงในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี จำนวน 110 คน โดยมีวิทยากรวิทยากรจากศูนย์ฝึกดับเพลิงและกู้ภัยโรงกลั่นน้ำมันบริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) วิทยากรจากชมรมกู้ภัยประเทศไทยมาให้ความรู้และจัดการฝึกซ้อมแผน โดยการอบรมครั้งนี้ มุ่งเน้นให้บุคลากรทางการแพทย์ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ต่างๆ ได้รู้ถึงชนิดของสารเคมี การดูแลรักษาผู้ป่วยที่รับสารเคมี การสวมใส่ชุดที่ใช้ในการเข้าที่เกิดเหตุที่มีการรั่วไหลของสารเคมี ระหว่างการฝึกได้มีการจำลองสถานการณ์ว่ามีรถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำชนโรงน้ำแข็ง มีสารเคมีไม่ทราบชนิดรั่วไหลออกมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมจะต้องแบ่งหน้าที่กันทำงาน ทั้งการตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ การเข้าเผชิญเหตุด้วยชุดป้องกันสารเคมีคลุมทั้งตัวชนิด Level A และ B 

การกำหนดพื้นที่อันตราย (Excluson Zone หรือ Hot Zone) เป็นบริเวณที่เกิดเหตุ และรวมถึงบริเวณที่มีการปนปื้อนจากไอระเหยของสารเคมีและวัตถุอันตราย หรือบริเวณที่มีการไหลนองของสารเคมีและวัตถุอันตราย การเข้าไปในพื้นที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินและหน่วยปฏิบัติการกู้ภัยสารเคมี (HazmTeam) จะต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสมในระดับเอหรือบี ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของวัตถุอันตรายนั้นๆ ระยะและขนาดของพื้นที่อันตรายขึ้นกับชนิดของสารเคมีและวัตถุอันตรายที่รั่วไหล และความรุนแรงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 

กำหนดพื้นที่ปนเปื้อนวัตถุอันตราย (Decontamination Zone หรือ Warm Zone) เป็นบริเวณควบคุมและขจัดสารเคมีและวัตถุอันตรายที่ปนเปื้อนจากการเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ปนเปื้อน ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างพื้นที่อันตรายและพื้นที่สนับสนุน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ปนเปื้อนสารเคมีและวัตถุอันตรายนี้ จะต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลในระดับการปกป้องที่น้อยกว่าพื้นที่อันตราย พื้นที่สนับสนุน (Support Zone และ Cold Zone) เป็นบริเวณที่ไม่มีสารเคมีและวัตถุอันตรายปนเปื้อน และเป็นที่ตัง้ของศูนย์บัญชาการในพื้นที่เกิดเหตุโดยในส่วนของการกำหนดระยะห่างของของแต่ละเขตนั้น อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอำนาจสั่งการ โดยส่วนใหญ่จะพิจารณาจากชนิดสารเคมีที่รั่วไหลเป็นสำคัญ และทิศทางลม โดยเฉพาะสารเคมีที่เป็นประเภทแก๊ส จะกำหนดระยะที่ไกลกว่าสารประเภทอื่นๆ เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของสารเคมีและวัตถุอันตรายสู่สิ่งแวดล้อม และเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการ รวมทั้งกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ให้เข้าในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนของวัตถุอันตราย พร้อมคัดแยกผู้ป่วย การจัดรถโรงพยาบาล รถกู้ชีพ รถกู้ภัย เข้ารับผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลต่างๆ 

การอบรมในครั้งนี้ ผู้เข้ารับการอบรมจะได้เรียนรู้ถึงได้ทราบถึงวิธีการเผชิญเหตุ การประเมินสถานการณ์ และแนวทางปฏิบัติหากเกิดเหตุขึ้นในพื้นที่