จากกรณี นายปฐพี มีบาง อายุ 52 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.บุรีรัมย์ ลาออกจากราชการ ใช้อาวุธปืนบุกยิง น.ส.ดวงเดือน โกกะพันธ์ หรือ ผอ.เหมียว อายุ 41 ปี ผอ.โรงเรียนบ้านโนนอีปังโพนวัว อ.เมืองศรีสะเกษ อดีตภรรยา พร้อมด้วย นายปรมัตถ์ สามัญ หรือทนายป้อม อายุ 39 ปี ทนายความ สามีของ ผอ.เหมียว นางหยกมณี โกกะพันธ์ อายุ 66 ปี แม่ของ ผอ.เหมียว และนายบุญเลื่อน อภัยพงษ์ อายุ 61 ปี น้องเขยของ นางหยกมณี เสียชีวิตอยู่ในบ้านพัก ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ส่วน นายปฐพี หลังก่อเหตุได้ขับรถหลบหนีไปยิงตัวเสียชีวิต ที่ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. น.ส.สวย (นามสมุติ) อายุ 43 ปี 1 ในกลุ่มเพื่อนของ ผอ.เหมียว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังทราบข่าวว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ยกย่อง “อดีต ผอ.” เป็นฮีโร่ ทำให้ตนรู้สึกรับไม่ได้ จึงขอออกมาชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ ผอ.เหมียว ให้ฟังบ้าง เพื่อให้สังคมรับรู้เรื่องราวที่ ผอ.เหมียว ได้ประสบพบเจอ ซึ่งตนในฐานะเพื่อน ได้เคยปรับทุกข์และรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ ของเพื่อน ๆ มาตลอด โดยมีประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้

1.ผอ.เหมียว ไม่ได้ “คบซ้อน” การคบหากับ “ทนายป้อม” นั้น เกิดขึ้นหลังจากเลิกกันกับ “อดีต ผอ.” ผู้ก่อเหตุแล้ว แต่ปรากฏว่า อดีต ผอ. ยังคงตามระราน รังควานมาตลอด ตั้งแต่เมื่อช่วงปี 65-66 ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ว่าจะฆ่าล้างโคตรมาตลอด เอาปืนมาวางต่อหน้าลูกชาย

2.ขนเอาของในบ้านไปหมด มีการมาถอดแอร์ ปั๊มน้ำ ซึ่งตอนนั้น ผอ.เหมียว ยอม เพราะอยากเลิกให้ขาด อยากได้อะไรก็เอาไปให้หมด

3.ส่งใบปลิวโจมตีอ้างว่าบ้านหลังที่เกิดเหตุ คือบ้านของอดีต ผอ. จนทำให้ ผอ.เหมียว เกิดความอับอาย

4.ทำเอกสารประมาณว่า ชื่อ ผอ.เหมียว เบอร์โทรฯ ชื่อเฟซบุ๊ก ไลน์ พร้อมข้อความระบุว่า ผอ.เหมียว โสด อยากหาคู่ที่จริงใจ ติดต่อที่นี่ พร้อมลงรูปภาพ ไปสอดใส่ในล็อกเกอร์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สพป.และ สพม. ทั้ง 5 เขต ของศรีสะเกษ ซึ่งตอนนั้น ผอ.เหมียว ต้องตามเก็บ บางส่วนก็เก็บทัน บางส่วนก็ไม่ทัน ทั้งที่เลิกรากันไปแล้ว แต่ระรานไม่หยุด

5.ฟ้องร้อง ผอ.เหมียว ว่า “ยักยอกทรัพย์” ทั้งที่ไม่เคยให้เงินใช้ อ้างว่ามาทำให้หลงรัก ทั้งที่คบหากันมาตั้ง 8 ปี ตั้งแต่ปี 2557-2564 มีแค่บ้านที่สร้างขึ้นร่วมกัน เพราะความรักต่อกัน บนที่ดิน นางหยกมณี แม่ ผอ.เหมียว ซึ่งไม่ได้จ่ายเงินสร้างเพียงคนเดียว ยังมีเงินของแม่ ผอ.เหมียว จ่ายร่วมด้วย จะมาบอกว่าหลอกลวงไม่ได้

6.ตบตี บีบคอ จนจะตายหลายครั้ง เพราะความหึงหวง ที่เกินมนุษย์ทำ เหมือนเขามีอาการทางจิต ส่งคนสะกดรอยตาม และบังคับไม่ให้คบใคร ไม่ให้เข้าชุมชน สังคม ไม่เคารพนับถือครอบครัว ผอ.เหมียว เลย

7.ผอ.เหมียว ต้องพาลูกและแม่หนีออกจากบ้านบ่อยครั้ง เพื่อหลีกหนี เพราะมีแต่ขู่จะฆ่ามาโดยตลอด

8.ผอ.เหมียว พยายามพูดคุยเพื่อขอจ่ายคืนค่าสร้างบ้านให้ โดยขอผ่อนจ่ายรายปี เนื่องจากไม่มีเงินก้อน ที่กู้ได้อาจไม่มาก แต่จะผ่อนจ่ายให้ทั้งหมด ของในบ้านอยากได้อะไรก็เอาไปให้หมด แต่ขอเพียงอิสระคืน เพราะไม่สามารถกลับไปคบกันเหมือนเดิมได้อีกแล้ว ไม่ใช่ไม่ไกล่เกลี่ย แต่อดีตสามีผู้ก่อเหตุไม่ยอมจะเอาเงินก้อนทั้งหมด เหมือนยื้อเวลาว่า ไม่ต้องการเงิน และบอกว่าอยากให้ชีวิต ผอ.เหมียว ไม่มีความสุขตลอดไป จะระรานไปตลอดชีวิต ให้ชีวิตล่มจมและไม่ให้มีคนใหม่ จะจองล้างจองผลาญและทำให้อับอาย

9.ในระหว่างการเลิกกันนี้ อดีตสามีผู้ก่อเหตุ ได้แอบขับรถมาส่องที่บ้านตลอด แล้วก็ขับรถหนีไป เหมือนมาดูลาดเลา ทำให้ครอบครัวเกิดความหวาดระแวงมาตลอด และ ผอ.เหมียว ไปที่ไหน ก็จะรู้ทุกย่างก้าว ที่ ผอ.เหมียว ไป เหมือนสะกดรอยตามตลอดระยะเวลาที่เลิกกันแล้ว

10.สาเหตุที่อยากแต่งงานใหม่ คือ ผอ.เหมียว แค่ต้องการผู้ชายมาดูแลครอบครัว เพราะยังไงก็เลิกกับผู้ชายคนนี้นานแล้ว และอยากให้อดีตสามีออกไปจากชีวิต ไม่ได้คบซ้อน แต่อย่างใด

“….คำพูดเหล่านี้ คือ คำบอกเล่าจากปากของ ผอ.เหมียว เอง และคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นญาติ เพื่อนสนิท ลูกน้อง คนที่รัก ผอ.เหมียว ได้เจอและได้พบเห็นจริงๆ ส่วนกรณีที่ ผอ.เหมียว ฟ้องกลับ เนื่องจากอดีตสามีฟ้องก่อน ไม่ได้เป็นสาเหตุให้ อดีตสามี ของ ผอ.เหมียว ลาออกจากราชการ เขาลาออกเอง ไม่ได้เกี่ยวว่า ผอ.เหมียว ฟ้องจนต้องลาออก จึงอยากชี้แจงความจริงบ้างว่า ผู้หญิงคนหนึ่งที่ต่อสู้เพื่อครอบครัว ไม่เคยได้เงินจากอดีตสามีเลย ผอ.เหมียว หาเงินเองมาตลอด กู้เงินมาดูแลลูกและแม่เอง มีแต่ค่าสร้างบ้านที่เขาจ่าย ซึ่งไม่ได้มากมาย และไม่ได้จ่ายเพียงคนเดียวด้วย ถ้าบอกว่า ผอ.เหมียว หลอกลวงแล้ว จะคบนานขนาดนั้นไปทำไม แล้วอีกฝ่ายจะมาสร้างบ้านในที่ดินเขาทำไม?…” น.ส.สวย กล่าวและเผยต่อไปว่า

คำว่าฆาตกร ก็คือฆาตกร ใครผิดใครถูก ก็ไม่มีสิทธิไปฆ่าเขา โปรดเห็นใจครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย ไม่ได้ไปเอาเงินเขา ไม่ได้เป็นการหลอกลวง ผู้ก่อเหตุ เป็นถึง ผอ. จะโง่ให้คนหลอกจริงหรือ? อยากให้สื่อช่วยนำเสนอข่าวทั้งสองด้าน และนี่คือความจริงอีกมุมหนึ่ง ของผู้เสียหาย เพียงแต่ตอนนี้ ใครจะมีจิตใจมาให้สัมภาษณ์ ทั้งที่งานศพก็ยังไม่เสร็จสิ้น โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัวเหยื่อด้วย สังคมไทยบางกลุ่มแปลก เห็นฆาตกรเป็นฮีโร่ ปัญญาชน ต้องมีเหตุผล และต้องมีคุณธรรมด้วย

ด้าน นางขันทอง สาสังข์ อายุ 54 ปี พี่สาวของ ทนายป้อม เล่าว่า พ่อ แม่ ตนเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว หลังพ่อแม่เสียชีวิต ทนายป้อม ก็จะนับถือตนเป็นแม่ จะมากราบเท้าและเอาเท้าตนเหยียบศีรษะ ทำแบบนี้ทุกวัน เพราะถือว่าเป็นคนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก เสมือนแม่คนหนึ่ง มีเพียงวันเกิดเหตุวันเดียว ที่ ทนายป้อม ไม่ได้เข้ามาหา อุปนิสัยทนายป้อม เป็นคนดี เป็นคนใจบุญ แม้แต่สุนัขข้างถนน ก็ยังซื้อไก่ย่างให้กิน ใครเข้ามาหาทนายป้อม เขาจะดีตอบทั้งหมด ไม่คิดว่าจะมาเสียชีวิตแบบนี้ เพราะเขาเป็นคนดีมาก

ในส่วนของการคบหากันเมื่อใดนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวเขา และเขาก็ไม่เคยมาเล่าให้ตนฟัง มาบอกเมื่อตอนให้ตนเป็นผู้ใหญ่ไปสู่ขอแต่งงานเท่านั้น ไม่เคยพูดเรื่องงาน หรือปัญหาหนักใจให้ตนฟัง และยังต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูหลาน ส่งเสียเรียนหนังสือ เสมือนลูก อีก 3 คน และเป็นคนดูแลพี่น้อง เวลาไปว่าความได้เงินมา ก็จะแบ่งมาให้ตนใช้ ตนก็ไม่มีสามี ก็ได้พึ่งพาอาศัยเขา เขาถือเป็นเสาหลักของครอบครัว ส่วนผู้ก่อเหตุต่อให้เสียชีวิตไปแล้ว ก็ไม่อยากจะอโหสิกรรมให้ เพราะถือว่าเป็นคนใจร้าย และไม่ได้ไปแย่งแฟนใครมาด้วย และวันนี้ ก็เป็นวันครบรอบวันเกิดของ ทนายป้อม น้องชายตนด้วย.