จากการที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้มีการปราบปรามกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเด็ดขาด โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เริ่มปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร” ตัดสัญญาณโทรคมนาคมที่ลักลอบใช้ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ บริเวณที่ตั้งโดยรอบบ่อนคาสิโน นั้น

วันนี้ (23 ก.ค.) พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)  และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผอ.ศปอส.ตร. นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช. และฝ่ายความมั่นคง ได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบการลักลอบนำสายสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ ไปยังบริเวณพื้นที่คิงส์โรมันอย่างผิดกฎหมาย ทั้งจาก ซิม สาย เสา และออกมาตรการเข้มงวด ในการผ่านช่องทางตามช่องทางธรรมชาติ เพื่อไม่ให้กลุ่มคนต่างชาติและคนไทย ลักลอบไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในบริเวณพื้นที่รอยต่อที่ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ

พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2567 สตช. ได้หารือกับ สำนักงาน กสทช. และผู้ประกอบการมือถือรายใหญ่ทั้ง 3 ค่ายเพื่อแก้ไขปัญหาสัญญาณรุกล้ำข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่า มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่กระจายลุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้าน ฝั่งตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ในทุกมิติ จึงลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามแผน รวมทั้งใช้เครื่องมือพิเศษตรวจสอบการกระจายสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ตามแนวตะเข็บชายแดนในบริเวณใกล้เคียง และมอบหมายให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าตรวจสอบและติดตามการลักลอบการติดตั้งเสาส่งสัญญาณเถื่อน เพื่อตัดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เป้าหมายนี้

พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า จากการตรวจสอบเชิงรุกล่าสุด พบว่ามีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของไทยใช้งานอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามอำเภอเชียงแสน ซึ่งมีข้อมูลเชื่อได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นรังใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่โทรข้ามแดนมาหลอกคนไทย จึงลงพื้นที่บูรณาการร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมผู้ประกอบการโทรคมนาคมทุกเครือข่าย ใช้เครื่องมือพิเศษติดตั้งบนอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ตรวจสแกนตลอดแนวชายแดนของ อ.เชียงแสน เพื่อตัดสัญญาณสื่อสารข้ามโขงในทุกมิติ นอกจากนั้น ได้ร่วมกับกองกำลังผาเมืองตัดทำลายสายเคเบิลใยแก้วหรือไฟเบอร์ออฟติกส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย มาตรการตัดปัจจัยสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้ง ซิม เสา และสาย ที่สำนักงานกสทช. ร่วมกับ สตช. ดำเนินการต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยได้ระงับการใช้ซิมผีที่มิได้มายืนยันตนตามประกาศ กสทช. ไปแล้วมากกว่า 2 ล้านเลขหมาย ซึ่งเชื่อว่าซิมที่ถูกระงับการใช้งานนั้น ส่วนใหญ่อยู่ในการถือครองของคนร้าย

นอกจากนี้ เพียงครึ่งปีที่ผ่านมา สำนักงาน กสทช. และ สตช. ได้มีการจับกุมผู้ลักลอบติดตั้งเสาและสาย ส่งสัญญาณเถื่อนตามแนวชายแดนไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้จำนวน 33 ราย ส่วนผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. แต่ทำผิดเงื่อนไขการให้บริการ ได้แจ้งเตือนและสั่งให้ระงับการส่งสัญญาณโทรคมนาคม และถอดสายสัญญาณและอุปกรณ์ (ล้มเสา) จำนวน 179 จุด โดยดำเนินการแล้วใน 11 อำเภอ 9 จังหวัด ที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ จ.ตาก จ.เชียงราย จ.มุกดาหาร จ.หนองคาย จ.สุรินทร์ จ. บุรีรัมย์จ.สระเเก้ว จ.จันทบุรี และ จ.ระนอง ซึ่ง กสทช.ยังคงตรวจตระเวนการกระจายสัญญาณข้ามแดนอย่างต่อเนื่อง

“ การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้ตรวจสอบพบเสาส่งสัญญาณเถื่อน ได้รื้อถอนดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนเสาสัญญาณของผู้ให้บริการมือถือได้กวดขันให้หันจานส่งสัญญาณเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทย และลดกำลังการส่งสัญญาณลงตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้ตรวจจับซิมการ์ดที่ไม่ได้ลงทะเบียน พบว่ามีชาวต่างชาติกว่า 36 ราย ถือครองซิมต่อคนมากกว่า  1 หมื่นเลขหมาย จึงตรวจสอบและดำเนินการตรามกฎหมายทั้งหมด พร้อม ประสาน ตม. ตรวจสอบคนไทยที่ข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ว่าไปทำงานให้แก็งคอลเซ็นเตอร์ หรือไม่ เชื่อว่าการลงพื้นที่กวดขันจะช่วยให้การลอบใช้สัญญาณจากฝั่งไทยของแก็งคอลเซ็นเตอร์ลดลงและทำได้ยากขึ้น” พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าว

พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลของการบูรณาการระหว่าง ตำรวจ กสทช. และหน่วยงานความมั่นคงในการกำจัด ซิมผีบัญชีม้า โค่นเสาและสายสัญญาณเถื่อน รวมทั้งตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์โทรคมนาคมผิดกฎหมายดังกล่าว เป็นการทำลายปัจจัยสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งส่งผลอย่างเป็นรูปธรรม จะเห็นได้จากการไหลทะลักเข้าไทยของอุปกรณ์สื่อสารดาวเทียมผิดกฎหมาย (Starlink) ผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อทดแทนโครงสร้างโทรคมนาคม (ซิม เสา สาย) เดิม คาดว่าคนร้ายได้รับผลกระทบและเริ่มมีการปรับตัว ซึ่งทาง สตช. และ สำนักงาน กสทช. จะได้ดำเนินการติดตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องต่อไป