เมื่อวันที่ 22 ก.ค. นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังมีการเปิดเผยรายชื่อแคนดิเดตของกลุ่ม สว.สีน้ำเงิน ที่จะลงชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา ทางกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ จะมีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อแคนดิเดตอีกหรือไม่ ว่า “ไม่เปลี่ยน”

สำหรับกรณีที่มีกระแสว่าก่อนหน้านี้ กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ จะเสนอชื่อนายบุญส่ง น้อยโสภณ สว. เป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ก่อนจะเปลี่ยนรายชื่อนั้น นางอังคณา กล่าวว่า  ในฐานะที่เกาะเกี่ยวอยู่ในกลุ่มนี้มาตลอด ส่วนตัวยังไม่เคยได้ยินว่าจะให้มีการเสนอชื่อนายบุญส่ง อาจเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของแต่ละบุคคล ซึ่งก็ต้องเคารพกัน แต่หากเป็นการหารือกันในนามกลุ่ม ยังไม่เคยมีข้อตกลงหรือความเห็นที่ว่าเราจะเสนอนายบุญส่ง เพราะโดยส่วนตัวยังไม่เคยรู้จักนายบุญส่ง ไม่เคยได้พูดคุยด้วยเลย ซึ่งนายบุญส่งเอง ก็เคยให้ข่าวว่าไม่ได้ทำงานกับกลุ่มพันธุ์ใหม่

ส่วน 3 รายชื่อที่ไม่มีสัดส่วนของผู้หญิง จะกลายเป็นการปิดโอกาสหรือไม่นั้น นางอังคณา กล่าวว่า รายชื่อ 3 คนที่พูดกัน ตนเห็นสื่อหลายสำนักอ้างแหล่งข่าว แต่ทั้ง 3 คน ก็ยังไม่มีใครออกมายืนยันเลยว่า ตัวเองได้รับการเสนอชื่อ ดังนั้น รายชื่อเหล่านี้ จริงหรือไม่จริง ยืนยันหรือไม่ยืนยัน ก็ไม่มีใครที่สามารถตอบได้ ในความเห็นส่วนตัว 3 รายชื่อดังกล่าว จะเห็นได้ว่าเป็นข้าราชการบำนาญทั้งหมดเลย หากย้อนกลับในช่วงแรกของการคัดเลือก สว. ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ และให้ความเห็นในเรื่องที่เกี่ยวกับคุณวุฒิ วัยวุฒิ การศึกษา ซึ่งหลายคนก็ออกมาพูดว่า สว.ชุดนี้มีความแตกต่างหลากหลาย ให้โอกาสคนธรรมดา ที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้มาก เข้ามาทำหน้าที่ได้ แต่พอเอาเข้าจริง หากเป็นไปตามรายชื่อดังกล่าว ก็น่าเสียดายว่า เราไม่มีคนธรรมดาเหล่านั้น และไม่มีผู้หญิง ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำของฝ่ายนิติบัญญัติ

เมื่อถามว่าได้มีการประเมินโอกาสได้รับตำแหน่งไว้อย่างไรบ้าง นางอังคณา กล่าวว่า ไม่ได้มีการประเมิน แต่ในฐานะที่เราเป็นอิสระ มาจากประชาชน เราจึงคิดว่าเราควรที่จะเสนอตัว และประกาศให้ประชาชนรู้ว่าเรามีความพร้อมที่จะเข้ามาทำงาน และก็อยากให้กลุ่มที่ถูกประเมินว่าเป็นเสียงข้างมาก ออกมายืนยันด้วยว่า ได้รับการเสนอชื่อ ออกมาแนะนำตัว หรือบอกว่าจะทำอะไรบ้าง เพราะไม่ค่อยได้ยินท่านที่ได้คะแนนสูงๆ ออกมาให้ความเห็นอะไรเลย

สำหรับกรณีที่ สว. หลายกลุ่ม มีการเสนอชื่อแข่งกันเอง จะกลายเป็นการสร้างความขัดแย้งหรือไม่ นางอังคณา กล่าวว่า ไม่เลย เพราะหากดูจากการเลือกตั้ง ในสนามเราทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่ แต่สุดท้าย แม้จะไม่ได้รับเลือก หรือไม่ได้รับความไว้วางใจ เราก็ต้องกลับมาทำงานด้วยกัน ไม่ได้คิดเลยว่าเป็นการแก่งแย่งชิงการเป็นผู้นำกัน หรือจะสร้างความบาดหมาง ส่วนตัวถึงแม้จะไม่ได้รับเลือก ก็ยังทำงานอย่างเต็มความสามารถ

เมื่อถามถึงวิสัยทัศน์ที่จะแสดงนั้น นางอังคณา กล่าวว่า น่าจะเป็นแนวทางที่ตนเองเห็นว่าจะสามารถพัฒนาการทำหน้าที่ของวุฒิสภาให้ได้เป็นที่ยอมรับและทำงานร่วมกับประชาชนมากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมาตั้งแต่การรัฐประหาร สว.มาจากการแต่งตั้งทั้งหมด เวลาที่มีการโหวตอะไรสักอย่าง ก็มักจะเป็นการโหวตที่ขัดกับความรู้สึกหรือความเห็นของประชาชนขณะนี้ แม้ว่าตนเองอาจจะไม่กล้าพูดเต็มปากว่า เรามาจากประชาชน เพราะประชาชนทุกคนก็ไม่ได้เลือกเรา แต่อย่างน้อย เราก็เป็นคนธรรมดาที่เสนอตัวเข้ามา และเราก็อยากเห็นการทำหน้าที่ของ สว. ที่มีความก้าวหน้ายึดโยงกับประชาชนมากขึ้น.