เมื่อวันที่ 21 ก.ค. นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้รับมอบหมายจาก ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. นำทีม สพฐ. ร่วมงาน “สพฐ.สัญจร รวมพลังแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากร” จุดที่ 5 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดมุกดาหาร ณ โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยมุกดาหาร ร่วมกับ ดร.กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ดร.ขจร ธนะแพสย์ ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย และ ดร.ณรินทร์ ชำนาญดู ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาญจนบุรี เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ลงทะเบียนเข้ารับการแก้ไขหนี้สินกับ สพฐ. รวมถึงผู้ที่มีเงินเดือนเหลือน้อยกว่าร้อยละ 30 และผู้ที่มีความทุกข์จากการเป็นหนี้สิน โดยมีผู้บริหารจาก ผอ.สพท. ในเขตตรวจราชการที่ 10-14 ทั้ง 20 จังหวัด 78 เขตพื้นที่การศึกษา รอง ผอ.สพท. บุคลากรสถานีแก้หนี้ระดับ สพท. และผู้สนใจ เข้าร่วมประชุม onsite รวมทั้งสิ้นกว่า 400 คน และรับชมถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ Facebook live : ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา สพฐ. ซึ่งมีผู้ชมที่สนใจทั่วประเทศ กว่า 10,078 คน พร้อมด้วยประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ ผู้แทนธนาคารออมสิน ผู้บริหารการศึกษาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้รับเกียรติจาก นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ให้การต้อนรับอย่างดียิ่ง

นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เร่งขับเคลื่อนนโยบายการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยได้นำนโยบายสู่การปฏิบัติระดับพื้นที่ร่วมกับสถานีแก้หนี้ครูทั่วประเทศ เพื่อช่วยคลายทุกข์ เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งการส่งเสริมสภาพคล่องทางการเงินและความสุขในการปฏิบัติงานของครูและบุคลากรฯ การทำให้ครูมีความสุขจะช่วยให้สามารถทำหน้าที่ในการสร้างการเรียนรู้ที่มีความสุขแก่ผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้าที่ของทุกคนคือการลดภาระครูและส่งเสริมความสุขด้วยการปรับปรุงสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อเป้าหมายคุณภาพชีวิตที่ดี ฉะนั้นการจะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ครูและบุคลากรฯทุกคนต้องถูกคลายทุกข์แล้วสร้างสุขแบบยั่งยืน เพื่อทำคุณภาพห้องเรียนภายใต้นโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ให้สุขเริ่มที่ครูให้เป็นจริง ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน ทุกภาคส่วน ผ่านการเจรจาของทุก ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินครูบรรลุผลสำเร็จ โดยเฉพาะ ผอ.เขต ที่เป็นผู้นำของข้าราชการครูและบุคลากร เป็นผู้มีบทบาทหลักที่จะทำให้บุคลากรในสังกัดที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน ได้รับการคลายทุกข์ และทำให้ทุก ๆ คน ได้รับเงินเดือนเหลือมากกว่า 30% จริง เพื่อการครองชีพที่เหมาะสม

นางเกศทิพย์ กล่าวต่อไปว่า จากการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู พบว่ามีสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ ที่มีผลต่างของอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ร้อยละ 0.90 จนถึง 7.65 ซึ่งจากการวิเคราะห์ค่าบริหารจัดการเฉลี่ยควรอยู่ที่ร้อยละเท่าไร แต่ไม่ควรต่างกันมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทและการบริหารจัดการเงินในสหกรณ์ นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้บัตรเครดิตและหนี้นอกระบบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพจิตของครู ผอ.สพท. ควรสร้างความตระหนักถึงปัญหาหนี้บัตรเครดิต โดยแนะนำให้ชำระเงินตามความสามารถและไม่เพิกเฉยต่อหนี้สิน ควรให้ความรู้เรื่องการเงินและการบริหารจัดการหนี้แก่ครู โดยเฉพาะครูผู้ช่วยที่มีประสบการณ์น้อย การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบควรเจรจาผ่อนชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย และประสานงานกับเจ้าหนี้ รวมถึงขายทรัพย์สินบางส่วนเพื่อสร้างสภาพคล่อง การสร้างวินัยทางการเงินตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การอบรมและให้ความรู้เรื่องการบริหารจัดการเงิน จะช่วยให้ครูและบุคลากรฯมีทักษะในการจัดการหนี้สินและสร้างความมั่นคงทางการเงิน ควรติดต่อธนาคารเพื่อเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ลดดอกเบี้ย หรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานกฎหมายและตำรวจในการเจรจากับเจ้าหนี้ร่วมด้วย

“โอกาสนี้ ขอขอบคุณ ดร.กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี, ดร.ขจร ธนะแพสย์ ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย, นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร, ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาญจนบุรี, ประธานคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมุกดาหาร จำกัด, ประธานคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูร้อยเอ็ด จำกัด, สหกรณ์ออมทรัพย์เครือข่ายพัฒนาชีวิตครูมุกดาหาร จำกัด, ธนาคารออมสิน, ผู้บริหารการศึกษาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทีมสถานีแก้หนี้ สพฐ. ทุกภาคส่วนที่ร่วมกันดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการในครั้งนี้อย่างเข้มแข็ง เพื่อเป้าหมายการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษา ดังนั้น เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ครูและบุคลากรฯต้องถูกคลายทุกข์และสร้างสุขอย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาคุณภาพห้องเรียนให้นักเรียนมีความสุขที่สุด โดยเริ่มจากครูที่เป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ให้ครูยิ้มได้ นักเรียนอุ่นใจ สร้างห้องเรียนแห่งความสุขได้อย่างแท้จริง” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว

ทั้งนี้ ภายในงานมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อต่าง ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ “ปัญหาการฟ้องร้องดำเนินคดีเกี่ยวกับหนี้สินและการมีเงินเดือนเหลือน้อยกว่าร้อยละ 30 กับการแก้ปัญหาตามมาตรการกลางของรัฐบาล” โดย ดร.กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย “การไกล่เกลี่ยแก้ไขปัญหาครูที่มีเงินดำรงชีพเหลือน้อยกว่า 30% และกรณีที่กำลังถูกฟ้องร้องดำเนินคดี” โดย ดร.ขจร ธนะแพสย์ เลขานุการคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย และ “สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกับการช่วยเหลือสมาชิก” โดย ดร.ณรินทร์ ชำนาญดู ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาญจนบุรี จำกัด เป็นต้น.