เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ จ.ลำพูน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาปลาหมอคางดำระบาด ว่า ตนให้นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. และนพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ ตามอยู่ เห็นข้อมูลใหม่เข้ามาว่ามีการส่งออกกว่า 320,000 ตัว ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะปลาหมอคางดำเป็นเอเลี่ยนสปีชีส์ ที่จะทำให้ระบบนิเวศของไทยเสีย 

“ผมศึกษามาว่าไทยไม่ได้เป็นที่แรก  ที่อเมริกา ฟลอริด้า ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ โดนหนักมาหลาย 10 ปี อยากให้กรมประมงและรัฐบาลได้ลองศึกษาดูว่าในต่างประเทศทำอย่างไร เพื่อให้มีแผนการทำงานออกมาชัดเจน วิธีกำจัดด้วยชีวภาพ กำจัดด้วยกายภาพ สารเคมีก็มีนะ ออสเตรเลียก็มีสารเคมี  ระยะสั้น กลาง และยาว ถ้าเอามาประกบกัน เข้าใจว่ากรมประมงก็ทำอยู่แล้วก็คือใช้ปลาที่เป็นคู่แข่งกันในการเข้าไปจับ หรือการใช้ตัวผู้ที่เป็นหมัน ก็เป็นวิธีที่ต่างประเทศทำ แต่ที่รู้สึกว่าไม่เคยเห็นประเทศไหนทำคือการรับซื้อ เพราะจะทำให้เกิด Cobra Effect หรือการแก้ปัญหาที่ยิ่งทำให้ปัญหาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ยิ่งรับซื้อปุ๊บ คนไม่มีความสนใจมาก่อน ก็พร้อมที่เพาะ ยิ่งขาย มันก็จะยิ่งไปกันใหญ่ ผมไม่เคยเห็นการสร้างมูลค่าให้ปลาหมอคางดำ คนอาจจะใช้โอกาสนี้เพาะเลี้ยงมากขึ้น และส่งให้กรมประมง มันก็มีข้อเสีย อยากให้รัฐบาลคิดให้ดี” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวต่อว่า ตนเข้าใจว่ากรมประมงก็ไม่เห็นด้วย เคยทำมาแล้วในปี 2561 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร และทำให้ประชากรปลาหมอคางดำมากขึ้น ดังนั้นขอให้ลองคิดเรื่องนี้ดีๆ ว่ากายภาพ ชีวภาพ เคมี แผนการเป็นอย่างไร ย้ำว่าต้องจัดการให้รวดเร็ว เพราะแข่งกับเวลา 

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า  ขอขยายความว่าระหว่างที่มีประชุมสภา ตนได้พูดคุยกับ สส. เขต ตอนนี้ผลกระทบที่รุนแรงมากล้วนอยู่ในพื้นที่ที่มี สส.เขตเป็นของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะพื้นที่ 3 สมุทร รวมไปถึงบางขุนเทียน เป็นความห่วงใยต่อเนื่องจากที่นายพิธาพูดไป โดยตนได้บอก สส. เขตว่ารัฐบาลกำลังชูนโยบายเรื่องรับซื้อปลาหมอคางดำมาเป็นพระเอกในการแก้ปัญหาเรื่องนี้  เราจึงมีความเป็นห่วงว่านโยบายนี้ จะสร้างผลกระทบมุมกลับ กลายเป็นว่าจะมีข้อดีหากรับซื้อ จะมีการช่วยกันจับในแหล่งน้ำสาธารณะ ซึ่งหลายพื้นที่ไม่มีมาตรการที่ชัดเจน และสิ่งที่กังวลมากคือหากรัฐบาลเน้นตรงนี้เป็นพระเอก จะส่งเสริมให้คนไปเพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำ 

“ยิ่งสถานการณ์เศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ การทำมาหากินอย่างอื่นก็มีปัญหา แล้วปลาหมอคางดำขายได้กิโลกรัมละ 15 บาท บ่อปลา บ่อกุ้งที่ทำมาหากินไม่ได้เพราะราคาตก ก็ไปเลี้ยงปลาหมอคางดำ เอามาขายเลย อันนี้เราคุยกันมาก่อน แล้วเราก็ไปพบว่ามีคนแอบเพาะเลี้ยงส่งออกไปแล้ว จึงอยากให้เน้นมาตรการอย่างอื่น และความรับผิดชอบของคนหรือเอกชนที่ชัดเจนว่าจะต้องมีความรับผิดชอบอย่างไร ร่วมกับภาครัฐที่จะมาจัดการปลาหมอคางดำให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ อันนี้ประเด็นสำคัญเลย ผมกังวล เพราะเห็นท่านรัฐมนตรีก็ออกมาเล่นใหญ่ในเรื่องนี้ ผมคิดว่าอาจจะผิดที่ผิดทาง” นายชัยธวัช กล่าว

เมื่อถามว่าการระบาดในพื้นที่ สส.พรรคก้าวไกล จะเป็นการวัดฝีมือ สส.ในพื้นที่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ย้ำว่า เรื่องนี้สำคัญ เพราะจริงๆแล้ว สส.ของพรรคก้าวไกล ในพื้นที่เราไม่ได้เพิ่งมาตื่นตัวเรื่องนี้ หากจำกันได้ การประชุมสภาสมัยที่แล้ว ก็มีการพูดคุยเรื่องนี้แล้ว เพราะ สส.ในพื้นที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน 

นายพิธา กล่าวเสริมว่า เราตั้งกระทู้สดถามรัฐบาลตั้งแต่ ต.ค. ปีที่แล้ว 

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า สส.เขตหลายคนต้องไปช่วยชาวบ้านจับปลาหมอคางดำมาตลอด แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจน มีการเคลื่อนไหวบ้างในการปล่อยปลากะพงขาวนิดๆหน่อยๆ พอเป็นพิธี แต่พอรัฐมนตรีไปปล่อยแล้วก็พบปัญหา เพราะคนในพื้นที่บอกว่าภายหลังรัฐมนตรีไปปลากระพงไซส์เล็ก แล้วมันจะไปสู้ปลาหมอคางดำได้อย่างไร

นายชัยธวัช กล่าวอีกวาา ย้ำว่า เราจะต้องชัดเจน สส.จะต้องมีการสรุปให้ชัดเจนว่ามาตรการในการแก้ปัญหาตรงนี้ควรมีอะไรบ้าง และน่าจะต้องมีการไปจัดเวทีเพื่อพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อตั้งเป้าหมายร่วมกันในการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม คู่ขนานกันไปกับการประสานงานและผลักดันให้เรื่องนี้ร่วมกับรัฐบาล

จากนั้น นายพิธา กล่าวต่อว่า อะไรก็ตามที่มีมูลค่ามันไม่หายไปหรอก พอไปใส่มูลค่าให้มัน ฟาร์มกุ้งที่ได้รับผลกระทบมันมากกว่า 15 บาท  เพราะฉะนั้น ต้องคิดดีว่านี้คือวิธีที่ถูกต้องหรือเปล่า.