สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ว่านายอเล็กซานเดอร์ ชาลเลนแบร์ก อดีต รมว.การต่างประเทศออสเตรีย สาบานตนต่อประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ฟาน แดร์ เบลเลน ที่ทำเนียบในกรุงเวียนนา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยในวันเดียวกัน นายมิคาเอล ลินฮาร์ต อดีตเอกอัครราชทูตออสเตรียประจำฝรั่งเศส สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศคนใหม่ด้วย
ทั้งนี้ ชาลเลนแบร์ก วัย 52 ปี กล่าวว่า เขาจะบริหารประเทศตามแนวทางของตัวเอง "ด้วยความรับผิดชอบ" และ "เพื่อสร้างเสถียรภาพ" ให้บ้านเมืองขับเคลื่อนต่อไปได้ในทุกมิติ โดยยังไม่มีการขยายความ ขณะที่ประธานาธิบดีออสเตรียกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีความรู้และความสามารถกว้างขวางในด้านการต่างประเทศ เนื่องจากเป็นนักการทูตอาชีพมายาวนาน แต่หนึ่งในภารกิจสำคัญที่สุดตอนนี้ คือการเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นของชาวออสเตรียที่มีต่อรัฐบาล
ขณะที่ผู้นำออสเตรียคนใหม่กล่าวว่า โดยส่วนตัวเขาเชื่อว่า ข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่นที่มีต่อนายกรัฐมนตรีคนก่อน คือนายเซบาสเตียน คัวร์ซ "ไม่เป็นความจริง" และท้ายที่สุดแล้ว ความจริงทั้งหมดจะกระจ่าง ว่าคัวร์ซไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และ "แน่นอน" ว่าเขาจะยังคง "ร่วมมืออย่างใกล้ชิด" กับคัวร์ซ แต่ยืนยัน "อิสระในการตัดสินใจ" 

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านยังคงเรียกคัวร์ซว่า "ผู้นำเงา" เนื่องจากเชื่อว่าอดีตผู้นำหนุ่มวัย 35 ปี ซึ่งยังคงมีอิทธิพลอย่างมากในพรรคประชาชนออสเตรีย ( โอวีพี ) จากการเป็นหัวหน้าพรรค จะยังคงอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจทั้งหมด ด้านคัวร์ซออกมาปฏิเสธ และยืนยันจะต่อสู้กับข้อกล่าวหา ว่าเขาและทีมงานใช้เงินของกระทรวงการคลัง ในการหาเสียงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคโอวีพี เมื่อปี 2559.

เครดิตภาพ : AP