สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ว่านายหลิน เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า การที่สหรัฐยังคงเดินหน้านโยบายขายอาวุธให้ไต้หวัน และการพบหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย “แม้เกิดขึ้นอย่างจำกัด” แต่ “ถือเป็นการบ่อนทำลายบรรยากาศทางการเมืองในภูมิภาคอย่างร้ายแรง


ขณะเดียวกัน การดำเนินการดังกล่าว “สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง” ให้กับ “แกนกลางของผลประโยชน์ของจีน” และทำลายความเชื่อมั่นระดับทวิภาคีอย่างรุนแรงเช่นกัน


ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลปักกิ่งจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายระงับการเจรจาครั้งใหม่กับรัฐบาลวอชิงตัน เกี่ยวกับการควบคุมอาวุธ และการหารือเกี่ยวกับ การจัดการการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม จีนยังคงมีความพร้อมรักษาช่องทางการติดต่อกับสหรัฐ ในเรื่องของการควบคุมอาวุธระหว่างประเทศ บนพื้นฐานของการมีความไว้วางใจ และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน


ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐเผยแพร่รายงาน เมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว ว่าด้วย “พัฒนาการทางทหารและความมั่นคงของจีน” คาดการณ์จำนวนหัวรบนิวเคลียร์ของจีน “มากกว่า 500 ลูก” เมื่อเดือน พ.ค. 2566 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ช่วยเสริมสร้างให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (พีแอลเอ) มีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ในครอบครองเพิ่มเป็น 1,000 หัว ภายในปี 2573 และ “หากไม่มีความเปลี่ยนแปลงในทางใด” จำนวนหัวรบนิวเคลียร์ของจีนจะเพิ่มเป็น 1,500 ลูก ภายในปี 2578 “ซึ่งเร็วกว่าที่สหรัฐคาดการณ์ไว้มาก”.

เครดิตภาพ : AFP