นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่โครงการ ไทยแลนด์ ดิจิทัล วัลเลย์ (Thailand Digital Valley) ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างอาคาร ทีดีวี 2 ขนาดพื้นที่ 4,500 ตารางเมตร ซึ่งเป็นอาคารที่ 2 ต่อจากอาคารทีดีวี 1 ที่เป็นส่วนบริการสตาร์ทอัพแบบวัน สต็อป เซอร์วิส ส่วนอาคารที่ 2 นี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เป็นชุมชนของดิจิทัลสตาร์ทอัพ และพื้นที่ต่อยอดธุรกิจ

โดยขณะนี้มีเหล่านักพัฒนา ดิจิทัลสตาร์ทอัพ รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติไทย ไม่ว่าจะเป็น มายหมู่บ้าน, คอมพิวเตอร์โลจี, อินโฟเฟด, โซลูชั่น เมดเกอร์ และเทลสกอร์ ฯลฯ ร่วมจองเช่าพื้นที่บริการในอาคารเต็มแล้ว 100% ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วกว่า 80% และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค.นี้ นอกจากนี้ยังได้มอบหมาย ให้เร่งดำเนินการก่อสร้าง อาคารทีดีวี 3 ขนาดพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร เพื่อให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ ทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลขั้นสูงขนาดใหญ่ที่สุด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต

ด้าน นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวว่า ดีป้าจะเร่งสานต่อการก่อสร้างอาคาร ทีดีวี 3 ซึ่งจะเป็นศูนย์นวัตกรรมดิจิทัล ถือเป็นหัวใจหลักของโครงการไทยแลนด์ ดิจิทัล วัลเลย์ ที่จะเป็นพื้นที่เรียนรู้ เพื่อการสร้างสรรค์ และ พื้นที่ทดสอบ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมเกี่ยวกับ 5จี ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ เทคโนโลยีไอโอที (ไอโอที แล็บ) เทคโนโลยีโลกเสมือน และเทคโนโลยีคลาวด์ และศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ สำหรับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และดิจิทัลสตาร์ทอัพไทย ในระดับภูมิภาค คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 ปีนับจากนี้ โดยมีเป้าหมายให้ไทยศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาค มีการจ้างงานด้านดิจิทัลในพื้นที่กว่า 20,000 คน และเกิดการลงทุนมากกว่า 50,000 ล้านบาท

“โครงการ ไทยแลนด์ ดิจิทัล วัลเลย์ จะมีบทบาทในการเป็นศูนย์กลางการออกแบบ พัฒนา วิเคราะห์ ทดสอบ ทดลองเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลขั้นสูงสำหรับดิจิทัลสตาร์ทอัพและบริษัทเทคดิจิทัลชั้นนำระดับประเทศและระดับโลก ก่อนต่อยอดสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ เป็นระบบนิเวศที่เชื่อมโยงบริษัทชั้นนำกับดิจิทัลสตาร์ทอัพในเทคโนโลยีเป้าหมาย ซึ่ง จะทำให้ประเทศไทยมีระบบนิเวศที่เป็นศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาค ขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและบริการดิจิทัลของคนไทย เกิดการค้าและการลงทุนจากดิจิทัลสตาร์ทอัพต่างชาติ ตลอดจนบริษัทชั้นนำระดับโลก อีกทั้งช่วยส่งเสริมให้ดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยสามารถเติบโตและก้าวสู่เวทีระดับสากล” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว