ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป และในโลกที่การแข่งขันนั้นเข้มข้นขึ้นทุกวัน เราจะมาคาดหวังอะไรพื้นๆ เบสิก ไม่ได้อีกแล้ว และแม้แต่รถยนต์ระดับ B เซกเมนต์ หรือรถระดับเริ่มต้นเองก็ต้องยกระดับเช่นกัน และรถใหม่ของเราในวันนี้ก็คือ เอ็มจี 3 รถแบบซัพคอมแพ็ค 5 ประตูที่ประกอบขึ้นในประเทศไทย และจ่อจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 นี้

จริงอยู่ที่มีการปล่อยข่าวมาสักพักใหญ่แล้วว่า มันจะมา แต่เพราะว่า อ้วนซ่า ได้แอบไปเจอมันเข้าโดยบังเอิญเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา การได้เห็นมันในแสงธรรมชาติ ช่วยยืนยันว่ามันใหม่หมดจด และสวยโดนใจจริงๆ

รถที่อ้วนซ่าไปเจอเข้าโดยบังเอิญนี้ มาพร้อมสีฟ้าซิกเนเจอร์ของรุ่น ที่สว่างจัดจ้าน เข้ากับรถอย่างถึงที่สุดชนิดเกิดมาเพื่อกันและกัน การที่เป็นฟ้าผสมมุกช่วยเพิ่มมิติให้กับพื้นผิวที่เป็นสามมิติของรถได้เป็นอย่างมาก ตัวรถนั้นโดดเด่นมากในด้านหน้า ที่จะเป็นดีไซน์ที่จะถูกใช้ในรถเครื่องยนต์ไฮบริดร่วมสมัยของเอ็มจีต่อไป ให้ความดุ และความเฉียบในเวลาเดียวกัน ส่วนด้านข้างนั้นดูจะได้แรงบันดาลใจจากรถเมอร์เซเดส เบนซ์ ตระกูล เอ คลาส (A-Class) มาแบบเต็มๆ ซึ่งก็รับกันดีกับด้านท้าย สามารถพูดได้เต็มปากว่า เอ็มจี 3 คือรถขนาดกะทัดรัดที่รูปทรงสปอร์ตทะมัดทะแมง และเรียกว่าสวยได้เต็มปาก แต่อาจจะไม่ล้ำยุคมากนัก ที่แน่ๆ ไม่ล้ำเท่ารุ่น เอ็มจี 4 ที่เป็นรถไฟฟ้า

ด้านมิติตัวถังนั้น ใหญ่กว่าเอ็มจี 3 รุ่นเดิมชัดเจน โดยมีความยาว 4,113 มม. กว้าง 1,797 มม. และสูง 1,502 มม. ส่วนความยาวฐานล้อนั้นอยู่ที่ 2,570 มม. เรียกว่าหากเทียบกับเจ้าตลาดอย่าง ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็คแล้ว มันจะสั้นกว่าถึง 10 นิ้ว แต่กว้างกว่า 2 นิ้ว และสูงเท่ากัน ส่วนฐานล้อนั้นสั้นกว่าเล็กน้อย

ด้านการออกแบบห้องโดยสารก็ถือว่า ทำได้สวย ถึงจะเป็นรถที่ออกแบบในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน แต่ให้ความรู้สึกเป็นรถยุโรป โดยการออกแบบนั้นใช้หน้าจอแบบ สกรีนคู่ โดยจอของผู้ขับขี่เป็นขนาด 7 นิ้ว ส่วนจออินโฟเทนเมนต์นั้นมีขนาด 10.25 นิ้ว รองรับระบบความบันเทิงทั้ง แอปเปิลและแอนดรอยด์ ตามสมัยนิยม และแน่นอนว่ามาพร้อม ความปลอดภัย และเซ็นเซอร์รอบคัน และกล้อง 360 องศา ส่วนเกียร์นั้นเป็นระบบหมุนตามสไตล์ของเอ็มจี

แต่จุดที่สร้างความแตกต่างที่สุดของ เอ็มจี 3 ก็คือ ขุมพลัง เพราะมันคือรถที่พร้อมจะแลกหมัดกับรถไฟฟ้าในมิติตัวถังเดียวกัน ด้วยการใช้ระบบไฮบริด แบบ Hybrid+ (ไฮบริดพลัส) ที่แรงเอาเรื่อง เพราะเป็นการประสานงานเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร มีกำลังสูงสุด 102 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 128 นิวตันเมตร เข้ากับ มอเตอร์ไฟฟ้า ที่มีกำลัง 136 แรงม้า! ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกันจะมีแรงม้ารวมสูงถึง 194 แรงม้า! และมีแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร โอ้พระเจ้าจอร์ช มันยอดมาก และกำลังทั้งหมดจะส่งไปยังล้อหน้า ผ่านทางระบบเกียร์เดินหน้า 3 จังหวะ!!! (แปลกดีวุ้ย) สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 8 วินาที  ส่วนอัตราสิ้นเปลืองนั้นทำได้สูงสุดถึง 22.7 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนแบตเตอรี่นั้นมีความจุเพียง 1.83 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งน่าจะพอเพียงกับการพารถคันนี้วิ่งในโหมด EV ล้วนได้ในระยะ 3-4 กิโลเมตร

เรียกว่า ถ้าเปิดราคามาสวยๆ ด้วยสมรรถนะแบบนี้ คนที่ไม่ติดแบรนด์ น่าจะเปิดใจลองทดสอบดูนะขอรับ!